[FIC EXO] ChanBaek The time remaining
ถ้ามีใครคนนึงจะจากไป ระหว่างเวลาที่เหลืออยู่ของคุณกับเขา กับเวลาที่เหลืออยู่ของเขากับคุณ สิ่งไหนมันสั้นกว่ากัน..
ผู้เข้าชมรวม
2,559
ผู้เข้าชมเดือนนี้
22
ผู้เข้าชมรวม
The time remaining
เปิดฟิคเรื่องใหม่ต้อนรับเดือนธันวาคมเลย
เรื่องนี้ไม่ค่อยมีสาระอะไรมากเขียนจากอารมณ์ของไรท์ล้วนๆเลยค่ะ
ว่าจะเขียนสั้นกว่านี้แต่ดันยาวไปหลายสิบหน้าอยู่ 555555
ฝากอ่านและคอมเม้นติชมให้กำลังใจกันด้วยเนอะ
ขอบคุณโค้ดที่ยืมมาใช้ด้วยน้า
ขอบคุณค่า <3
#ฟิคเวลาที่เหลืออยู่
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
‘ความสุข’ เชื่อว่าใครหลายคนมักเคยมีความสุขอันซึ่งเกิดจากเหตุผลหลายประการไม่ว่าจะเป็นการสอบได้อันดับหนึ่งของห้อง การได้เลื่อนตำแหน่งที่ทำงาน การได้อยู่กับครอบครัวแต่สำหรับ บยอนแบคฮยอน คนนี้ความสุขของเขาคือการยอมให้คนที่ตัวเองรักได้มีความสุขกับคนอื่นที่ไม่ใช่เขา..
“ไปไกลๆตีนกูสักทีดิ รำคาญ!” เสียงทุ้มแข็งของคนร่างสูงที่สวมบทคนรักของเขาอยู่ตะคอกใส่พร้อมกับสีหน้าที่บ่งบอกถึงความเบื่อหน่ายเต็มทีกับการที่มีเขายืนอยู่ตรงหน้าแบบนี้
ใช่..ปาร์คชานยอลคือคนรักของเขา ไม่สิบางทีตอนนี้อาจจะเป็นเพียงแค่คนที่เคยรักเขามากกว่า ตลอดเกือบห้าปีที่เคยคบกันมาตอนแรกๆอะไรมันก็ดีไปหมด ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมช่วงหลังๆถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้
‘สัญญานะว่าจะรักเราตลอดไป’
‘ทำดีกับเราแบบนี้ไปเรื่อยๆเลยนะชานยอล’
‘สัญญาครับ..’
คำพูดเหล่านั้นยังคงดังกึกก้องอยู่ในหัวสมองของบยอนแบคฮยอน เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าคนรักตรงหน้ายังคงจำคำแบบนั้นได้อยู่บ้างหรือเปล่า บางทีชานยอลอาจจะไม่สนใจด้วยซ้ำว่าคำพูดไร้สาระพวกนั้นเขาเคยพูดมันออกมา
แบคฮยอนไม่แน่ใจแม้กระทั่งว่าคนตรงหน้ายังเคยคิดที่จะใส่ใจความรู้สึกของเขาบ้างไหม เคยสงสัยไหมว่าการที่เป็นแบบนี้เขาจะเจ็บปวดมากแค่ไหน หรือว่าปาร์คชานยอลคนตรงหน้าพร้อมที่จะไล่เขาออกไปจากชีวิตได้ทุกเมื่อ
ซึ่งความเป็นไปได้มันอยู่ที่ข้อหลังมากกว่า..
มีแต่เขาเองทั้งนั้นที่ยังคอยยืดยื้อให้อยู่ด้วยกันต่อไป เพราะอะไรรู้ไหม? เพราะแบคฮยอนคนนี้ยังคงเชื่อในความรักครั้งแรก เขายังเชื่อความรู้สึกดีๆที่เคยมีให้กันและสิ่งที่ผ่านพ้นมาด้วยกัน ซึ่งไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นคนเดียวกับที่กระทำเลวร้ายต่อเขามากเพียงใด เขาก็ยอมเจ็บปวดเพื่อให้อีกคนมีความสุข
แล้วเราก็จะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกันได้เหมือนเดิม.. เพราะอย่างนั้นแบคฮยอนถึงได้คิดที่จะหยุดที่ปาร์คชานยอล
“ยังไม่ไปอีก มองหน้ากูนี่คิดจะหาเรื่องเหรอ!” นิ้วเรียวที่เคยกุมมือเขาไว้ บัดนี้กลับถูกชี้หน้าพร้อมกับสายตาที่แข็งกระด้าง จนทำให้เขาไม่อยากสู้หน้าต่อไป
มือเล็กกำกระดาษแผ่นสีขาวแน่นก่อนที่จะใช้มืออีกข้างปาดน้ำตาเม็ดใหญ่ที่หลั่งไหลออกจากดวงตาอย่างมหาศาล เขาหันหลังก่อนที่จะค่อยๆเดินออกไปอย่างจำยอม
Rrrrrrrrrrrr
เสียงริงโทนของสมาร์ทโฟนราคาแพงดังขึ้นจนเจ้าของต้องรีบหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากางเกง พอเห็นรายชื่อเรียกเข้านั้นชานยอลก็อมยิ้มแล้วกดรับทันที มันเป็นสีหน้าที่ต่างจากแบคฮยอนเมื่อครู่นี้อย่างสิ้นเชิง
“คิดถึงสิครับคยองซู”
คนที่เพิ่งถูกไล่หยุดยืนอยู่กับที่ เขาบอกกับตัวเองหลายครั้งว่าสามารถทนฟังคนรักของตัวเองพูดคำหวานๆแบบนั้นกับคนอื่นได้ แม้ว่าคำพูดเหล่านั้นเขาก็เคยฟังจากปากอีกคนมาแล้วก็ตาม
แต่เอาเข้าจริงมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด จะมีใครสักคนเข้าใจความรู้สึกของแบคฮยอนบ้างไหมว่ามันเจ็บปวดมากเพียงใด แต่แล้วยังไงล่ะ..เพื่อทำหน้าที่คนรักให้ดีที่สุดแบคฮยอนก็พร้อมจะอดทน
“มาสิครับ ตอนนี้ผมอยู่ห้องคนเดียว” บอกว่าอยู่ห้องคนเดียวทั้งๆที่ยังมีเขายืนอยู่ตรงนี้น่ะเหรอ..
“จริงเหรอ คยองซูน่ารักที่สุดเลย!”
สุดท้ายแล้วแบคฮยอนก็ทนที่จะฟังคำพูดพวกนั้นไม่ไหวถึงได้ยอมเคลื่อนตัวช้าๆออกมาจากห้องนั้น เขาเปิดประตูออกในขณะที่กำลังมีคนเปิดเข้ามาพอดี
แบคฮยอนเงยหน้ามองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าอย่างตกใจ ใช่..เขาไม่เคยคุ้นเคยกับคนตรงหน้าเลยสักนิด จริงอยู่ที่ว่าชานยอลอาจจะมีเพื่อนเยอะแต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่ชานยอลจะคบคนตัวเล็กๆที่มีใบหน้านิ่งอันซึ่งเต็มไปด้วยความมีเสน่ห์แบบคนตรงหน้าอย่างแน่นอน
“นายคงจะเป็นเพื่อนกับชานยอลสินะ” คนตรงหน้าเอ่ยทัก
“ … ”
“ฉันโดคยองซู”
“ … ”
เมื่อครู่นี้เขาพูดว่าอะไรนะ..? โดคยองซูอย่างนั้นเหรอ?
‘คิดถึงสิครับคยองซู’ อยู่ๆคำพูดของคนรักก็ดังขึ้นมาในหัวอย่างไม่ทันตั้งตัว แบคฮยอนควรจะดีใจหรือไม่ที่อีกคนของชานยอลนั้นดีเกินกว่าที่เขาคิดเอาไว้ ใช่..เขาควรจะดีใจที่ชานยอลได้เจอคนดีๆไม่ใช่เจ็บปวดจนแทบจะเจียนตายแบบนี้
“ฉันเข้าไปนะ” คนตรงหน้าพูดจบก็ไม่รอให้เขาอนุญาตหรือปฏิเสธ ก็แน่ล่ะในเมื่อเขาไม่รู้ว่าแบคฮยอนก็เป็นเจ้าของห้องเหมือนกัน
คนตัวเล็กปิดประตูลงช้าๆเมื่ออีกคนเข้าไป บัดนี้ร่างกายเขาหยุดยืนอยู่ที่หน้าคอนโดของตัวเอง หยุดยืนมองที่พักของตัวเองที่มีสิทธิจะทำอะไรก็ได้แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ เขาแทบไม่มีสิทธิเข้าไปรบกวนคนรักของตัวเองโดยที่รู้ว่าทั้งคู่กำลังทำอะไรกันด้วยซ้ำ
ยิ่งคิดแล้วน้ำตามันก็ยิ่งไหลอาบแก้มเนียนขาวอย่างหยุดยั้งไม่ได้..
ตึก !
ร่างเล็กเผลอชนกับใครสักคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังโดยที่เขาไม่รู้ตัว พอเบือนหน้าหันไปถึงได้รู้ว่าเป็นโอเซฮุนเพื่อนสนิทของปาร์คชานยอลที่เขาเองก็ไม่รู้ว่ามาอยู่ข้างหลังเขาตั้งแต่เมื่อไหร่
เซฮุนคว้าข้อมือและไหล่ของเขาเพื่อการทรงตัวไม่ให้ล้ม มือหนาพลิกร่างของเขาให้หันมาสบดวงหน้ากัน
“ผมขอโทษครับ” แบคฮยอนกล่าวขอโทษอย่างสุภาพแล้วใช้มือข้างที่ไม่ได้ถูกจับปาดน้ำตาอย่างลวกๆอีกครั้งเมื่อมันเริ่มพรั่งพรูไหลออกมาอย่างไม่มีวันหยุด
“นั่นมันอะไร ทำไมถึงกำแน่นขนาดนั้น” เซฮุนเลิกคิ้วสูงขณะมองกระดาษสีขาวที่ถูกอีกคนกำแน่นด้วยความสงสัย แบคฮยอนชะงักเล็กน้อยแล้วเหลือบมองกระดาษที่เขาเกือบลืมว่ากำเอาไว้ก่อนจะเห็นอีกคนรีบนำไปซ่อนมันไว้ข้างหลัง
“…ไม่มีอะไรครับ”
“ส่งมันมาน่า” เซฮุนเอื้อมมือเข้าไปคว้าเอาไว้ในขณะที่แบคฮยอนพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการนี้ แต่ไม่เลยแรงของคนที่กำลังเจ็บปวดทางกายและจิตใจไม่สามารถสู้อะไรได้เลย
เซฮุนยิ้มมุมปากหลังจากที่นำกระดาษนั้นมาได้ การได้แกล้งคนตัวเล็กข้างหน้าแล้วเห็นเขาหน้าเหวอแบบนี้มันเป็นความสุขเล็กๆของเขาจริงๆ
แต่ความสุขมันอยู่ได้ไม่นานเลย..
“มีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินสองเดือนคืออะไร” เซฮุนขมวดคิ้วง่วนด้วยความสงสัยแล้วชูกระดาษให้อีกคนดู ทว่าดูเหมือนคนตรงหน้าจะไม่ยอมตอบอะไรเลย
“อะ เอ่อ..” แบคฮยอนถึงกับพูดไม่ออก แน่นอนว่าถ้าเซฮุนรู้ ความลับมันก็จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป
“ไอ้ชานยอลมันรู้หรือยัง!” เซฮุนจ้องตาเขม็งในขณะที่อีกคนส่ายหน้าตอบอย่างสั่นกลัวนั่นทำให้คนร่างสูงถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ “แล้วนี่ร้องไห้ทำไม โดนไอ้ชานยอลมันทำอะไรมาอีกงั้นเหรอ!”
“ปะ เปล่า..ชานยอลไม่ได้ทำอะไรผม” แบคฮยอนรีบส่ายหัวอย่างร้อนรน ก่อนจะรีบคว้าแขนของคนร่างสูงกว่าเอาไว้เพื่อไม่ให้เขาเปิดประตูห้องเข้าไป “อย่าเข้าไปนะครับ ผมขอร้อง”
“หมายความว่าไงแบคฮยอน นี่มันห้องของนายนะ ไอ้ชานยอลมันอยู่ข้างในกับใคร!” เป็นโอเซฮุนเองที่โกรธแทนคนตรงหน้า ทำไมเพื่อนของเขามันเลวแบบนี้นะ มีคนดีๆอยู่แล้วทำไมถึงมองข้าม แล้วเรื่องสำคัญขนาดนี้มันยังไม่รู้อีก
ว่าแบคฮยอนมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินสองเดือน..
“อย่าบอกชานยอลเลยนะครับ ผมไม่อยากให้เขากังวลหนักเพราะนั่งนับวันว่าเมื่อไหร่ผมจะตายสักที” ยิ่งพูดน้ำตาก็ยิ่งไหลหนักมากกว่าเดิม เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมถึงรักชานยอลได้มากมายขนาดนี้ “ผมอยากใช้เวลาที่เหลือทำให้เขามีความสุขมากที่สุด มันเป็นสิ่งเดียวที่ผมจะทำได้ในตอนนี้สำหรับหน้าที่คนรัก”
“ … ” ไม่มีคำพูดใดจากโอเซฮุนอีกต่อไป ร่างสูงรวบตัวคนตัวเล็กกว่าเข้ามาสวมกอดไว้เพื่อปลอบใจ เขาไม่สัญญาว่าจะไม่บอกเพื่อนตัวดีอย่างชานยอลแต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะบอกกับมัน เซฮุนเห็นแบคฮยอนเจ็บปวดมามากแล้ว และสำหรับคนที่ไม่อยากเห็นคนดีๆต้องมาเสียใจอย่างเขา เซฮุนคนนี้จะอยู่ข้างๆแบคฮยอนตลอดสองเดือนที่เหลือเอง…
“ถ้าฉันไม่เห็นใบรับรองแพทย์นั่นนายก็คงคิดที่จะต่อสู้กับโรคร้ายนั่นด้วยตัวเองงั้นเหรอ” เป็นโอเซฮุนที่เปิดปากพูดก่อนหลังจากที่เขาพาคนตัวเล็กมานั่งที่ร้านกาแฟเล็กๆข้างล่างคอนโดเพราะแบคฮยอนไม่สามารถไปไหนได้เนื่องจากว่าเป็นห่วงชานยอล
เผื่อว่าชานยอลต้องการความช่วยเหลืออะไรแบคฮยอนก็พร้อมจะทำให้เสมอ
“…ช่วงหลังๆผมรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว เจ็บๆปวดๆบ่อยครั้งแต่ก็คิดว่าตัวเองคงไม่เป็นอะไรมาก” แบคฮยอนไม่ตอบคำถามของอีกคน ทว่ากลับเล่าความรู้สึกของตัวเองที่ไม่สามารถบอกใครได้แม้แต่คนที่เคยบอกว่ารักเขามากที่สุดอย่างชานยอล “แต่แล้ววันหนึ่งผมก็เป็นลมขณะที่กำลังเดินทางไปทำงาน โชคดีที่มีคนช่วยผมไว้ เขาจึงพาผมไปโรงพยาบาล”
“ … ” เซฮุนไม่ตอบโต้อะไรกับสิ่งที่คนตรงหน้าพูด หนำซ้ำเขายังฟังอย่างตั้งตกตั้งใจซะยิ่งกว่าเรื่องสำคัญใดๆอีก ก็แน่ล่ะเขาเห็นแบคฮยอนมานานพอๆกับการที่เป็นเพื่อนกับชานยอลนั่นแหละ
“ตอนนั้นผมอยากกลับบ้านเพราะคิดว่าหายดีแล้ว แต่จริงๆมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเมื่อผลตรวจที่ผมรอมาทั้งวันมันออกมาว่าผมเป็นมะเร็ง” พอถึงประโยคนี้น้ำตาหยดใสๆก็เอ่อคลอรอบดวงตากลมของคนพูด สำหรับคนที่แบกโลกทั้งใบไว้เพียงคนเดียวอย่างแบคฮยอนเขาก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไป เขายังมีอีกคนที่อยากดูแลไปตลอดชีวิต อีกคนที่เขาอยากทำให้มีความสุขที่สุด..
ใช่..เขายังไม่อยากตาย
“ … ” เซฮุนถึงกับพูดอะไรไม่ออกเมื่ออาการของคนตรงหน้าแทบจะตายอยู่รอมร่อ การมีชีวิตอยู่ต่ออีกเพียงสองเดือนมันก็เหมือนกับว่าแบคฮยอนตายทั้งเป็น
“ในทีแรกผมคิดอะไรไม่ออกนอกจากจะบอกกับชานยอล แต่พอมาวันนี้เขากลับไล่ผมออกมาอย่างไม่สนใจใยดี” ไม่มีอีกแล้วแบคฮยอนที่เคยเข้มแข็งได้ทุกสถานการณ์ เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าสีฟ้าอ่อนที่มีลายปักรูปหัวใจเล็กๆตรงมุมออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วซับน้ำตาจนเปียกชุ่มไปหมด
“ชานยอลมันเป็นบ้าอะไรของมัน มีคนดีๆอย่างนายแล้วทำไมไม่รักษาเอาไว้ดีๆ” เซฮุนพยายามพูดออกมาอย่างดีที่สุด แต่แล้วมันก็ยังดีไม่พอเมื่อเขาสอบตกการปลอบใจคนอื่นมาแต่ไหนแต่ไร สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ก็เพียงเอื้อมมือไปกุมมือคนตัวเล็กเอาไว้เพื่อปลอบใจ
เพื่อให้รู้ว่าตอนนี้เขาไม่ได้ตัวคนเดียว..
“อย่าโทษชานยอลเลยครับ เขาแค่อาจจะกำลังเบื่อ” กำลังเบื่อผม..
“นายอย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลยดีกว่านะ” เป็นเซฮุนที่ทนเห็นคนตรงหน้าสะอื้นออกมาเหมือนคนเจ็บเจียนตายไม่ไหว เขาลุกขึ้นแล้วเดินมานั่งที่โซฟาข้างๆคนตัวเล็กแล้วดันศีรษะให้ซบอกเขาไว้
“ ฮึก.. ” นานจนเกือบชั่วโมงแบคฮยอนก็ยังสะอื้นไม่หยุด ภาพความทรงจำดีๆที่เคยมีให้กันมันหายไปหมด ครั้งนี้ถือเป็นการระบายออกมาให้ผู้ฟังที่ดีอย่างโอเซฮุนรับรู้จนหมดเปลือก
ก่อนหน้านี้เขาเคยจำลองเหตุการณ์เอาไว้ว่าถ้ามันเกิดขึ้นจริงเขาก็จะทนได้เพื่อให้ชานยอลมีความสุข แต่พอมาในวันนี้มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเอาไว้เลย
“ไม่เป็นไรนะ นายยังมีฉันอยู่ทั้งคน” เซฮุนพูดเสียงแผ่วลงเพื่อให้คนข้างๆได้ยินเพียงคนเดียว เขาลูบเรือนผมนิ่มอย่างเบามือแต่แล้วคนตัวเล็กกว่าก็ผละออก
“ผมอยากกลับขึ้นไปแล้วครับ นี่ก็ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้วชานยอลอาจจะเสร็จธุระของเขาแล้ว..” แบคฮยอนหันหน้ามาบอกกับอีกคนที่ยังคงแสดงสีหน้านิ่งซึ่งเขาสามารถมองทะลุเข้าไปได้ว่าเซฮุนซ่อนความกังวลไว้มากเพียงใด
“สั่งอะไรดื่มก่อนขึ้นไปหน่อยไหม เผื่อว่านายจะได้รู้สึกดีขึ้นเดี๋ยวฉันไปสั่งให้” เป็นเซฮุนที่ยื้ออีกคนไว้ไม่รู้ว่าเพราะกลัวว่าหากแบคฮยอนกลับขึ้นไปแล้วจะต้องเจ็บหรือเพราะเขาอยากให้แบคฮยอนอยู่ตรงนี้นานๆกันแน่
“ก็ดีแหะ..” แบคฮยอนใช้เวลาคิดสักพัก “ผมขอชาเขียวสองแก้วครับ”
“นายเฮิร์ทจนดื่มทีเดียวสองแก้วเลยเหรอ?” ได้ยินดังนั้นเซฮุนถึงกับเลิกคิ้วสูง ทั้งที่ปกติคนตัวเล็กทานน้อยจะตายไป
“ไม่ใช่ครับ ผมอยากซื้อไปเผื่อชานยอลด้วย” แบคฮยอนคลี่ยิ้มออกมาบางๆหลังพูดจบ ไม่มีวินาทีไหนเลยที่เขาจะไม่คิดถึงคนๆนั้น คนที่อยู่ในใจเขาเสมอมา
“ไอ้ชานยอลมันชอบโกโก้ไม่ใช่เหรอ? มะรืนก่อนที่ไปกับฉันมันยังสั่งโกโก้อยู่เลย” เซฮุนแย้งกลับไปเพราะกลัวว่าถ้าแบคฮยอนสั่งไปแบบที่เพื่อนของตัวเองไม่ชอบแล้วจะขัดใจมันอีก
“ไม่ใช่แล้วล่ะครับ ชานยอลเป็นคนขี้เบื่อง่าย ในทีแรกเขาดื่มแต่ชาเขียวแต่ต่อมาเขาก็พยายามจะหาเครื่องดื่มที่คิดว่าอร่อยกว่ามาดื่ม” แบคฮยอนพูดออกมาอย่างช้าๆเมื่อนึกถึงนิสัยเด็กๆที่คนรักของตัวเองเป็นพลางคลี่ยิ้มบางๆ
“ … ”
“แต่แล้วเขาก็กลับมาดื่มชาเขียวอยู่ดีเพราะว่ามันอร่อยที่สุดสำหรับเขา” พอพูดถึงตอนนี้เขาก็อยากเปรียบเทียบให้ตัวเองเป็นชาเขียวสำหรับปาร์คชานยอลเหลือเกิน เพราะไม่ว่าชานยอลจะดื่มอะไรหรือสรรหาเครื่องดื่มอื่นๆมากแค่ไหนสุดท้ายแล้วก็กลับมาดื่มชาเขียวเหมือนเดิม
ถ้าเป็นอย่างนั้นได้จริงๆเขาก็พร้อมจะรอให้ชานยอลกลับมารักเขาเหมือนเดิมเช่นเดียวกัน..
“ขอบคุณมากนะครับสำหรับที่อดทนฟังผมพูดอะไรที่แสนน่าเบื่อ” คนตัวเล็กยิ้มให้ร่างสูงที่อุตส่าห์ขึ้นมาส่งเขาถึงหน้าห้อง เพราะมีเซฮุนทำให้ตอนนี้สภาพจิตใจของเขาถึงดีขึ้นมากแล้ว การต่อสู้ชีวิตที่เหลืออีกสองเดือนมันคงไม่แย่เกินไปนัก
“อดทนฟังอะไรกันฉันเต็มใจอยู่แล้ว” เซฮุนยิ้มน้อยๆเพื่อแสดงถึงความเจตนาดีที่เขามีต่อแบคฮยอนแล้วยื่นแก้วชาเขียวทั้งสองไปให้ “โชคดีแล้วกัน ฉันไปละ”
“ขอบคุณมากๆนะครับ” แบคฮยอนรับแก้วชาเขียวเอาไว้แล้วโค้งบอกลาคนตรงหน้าก่อนที่จะสูดลมหายใจเข้าแล้วตัดสินใจเปิดประตูห้องเข้าไป
สภาพห้องยังปกติดีเว้นแต่เตียงนอนที่มันดูเละเทะเกินไปหน่อยซึ่งแบคฮยอนก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่ามันเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้ อยู่ๆก้อนเนื้อที่หน้าอกข้างซ้ายก็เจ็บปวดขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ได้แต่บอกกับตัวเองว่าต้องทนได้
คนรักของเขาซึ่งกำลังนั่งดูทีวีอย่างไม่สบอารมณ์เหลือบสายตามองมาที่ร่างเล็กของเขาทำให้คนถูกมองถึงกับหยุดชะงัก
“กลับมาทำไมกูไล่แล้วไม่ใช่เหรอ!” เสียงทุ้มแข็งที่ต่างจากการพูดกับโดคยองซูโดยสิ้นเชิงกำลังบอกกับเขา แต่เป็นเพราะว่าตอนนี้สภาพจิตใจแบคฮยอนดีขึ้นมากแล้วเขาถึงได้ชินกับการที่โดนพูดใส่แบบนี้
“ต่อให้ชานยอลไล่เราสักล้านครั้ง เราก็จะกลับมาหาชานยอลภายในวันเดียวอยู่ดี..” แบคฮยอนพูดเสียงใสราวกับว่าไม่เจ็บปวดใดๆทั้งนั้น ทั้งที่ภายในใจมันไม่ใช่ “ไม่ต้องห่วงนะ ชานยอลจะไล่เรากี่ครั้งก็ได้ไล่จนเราชินแล้วก็ได้ เราก็จะไม่ไปไหนไกล”
“พูดเชี้ยไรสัดรำคาญ แล้วนั่นถืออะไรอยู่ไม่เอามาให้กูสักที!” สายตาเกรี้ยวกราดเบือนจากหน้าแบคฮยอนไปที่แก้วชาเขียวสุดโปรดของเขา สำหรับชานยอลตอนนี้แบคฮยอนไม่ต่างจากทาสรับใช้ที่ไม่ต้องเสียตังซื้อมา
“เราตั้งใจซื้อมาให้ชานยอลนั่นแหละ” แบคฮยอนยิ้มกว้าง เป็นครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่ชานยอลสนใจในสิ่งที่เขาทำให้ ดังนั้นร่างเล็กจึงรีบเดินไปใกล้แล้วยื่นแก้วไปตรงหน้าทันที
พลั่กก!
แก้วชาเขียวราคาแพงที่เคยน่ารับประทานบัดนี้กลับตกแตกอยู่บนพื้นพรมในสภาพเละไม่เป็นท่า ใช่..ชานยอลปัดมันทิ้งลงกับพื้นเมื้อครู่นี้
“ทำไมทำแบบนี้ล่ะชานยอล” แบคฮยอนหน้าเสียทั้งที่เมื่อกี้นี้กำลังยิ้มกว้างด้วยความดีใจ ชานยอลไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรสำหรับเขาแต่ทำไมต้องทำให้เสียใจขนาดนี้ด้วยนะ แค่แก้วชาเขียวต้องไปลงไม้ลงมือกับมันด้วยเหรอ
“กูไม่กินละห่า ไปไกลๆหน้ากูเลย” ชานยอลชี้นิ้วให้คนตัวเล็กออกไปจากบริเวณนี้ ดังนั้นแบคฮยอนจึงยอมเดินออกไปอย่างว่าง่าย ใช่..สิ่งที่เขาต้องทำต่อไปคือการนำผ้าไปชุบน้ำแล้วมาเช็ดพรม มดจะได้ไม่ขึ้นขาชานยอล!
Rrrrrrr
เสียงริงโทนดังขึ้นขณะที่กำลังก้าวเข้าไปในห้องน้ำ แบคฮยอนหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องโปรดออกมาก่อนที่จะเห็นสายเรียกเข้าว่าเป็นโอเซฮุนถึงได้กดรับทันที
“..ครับ” ประโยคทักทายง่ายๆที่ตอบรับไป แบคฮยอนสามารถเดาได้ว่าเรื่องที่คนปลายสายโทรมาก็คงไม่มีอะไรมากนอกจากเป็นยังไงบ้างเหมือนที่เคยทำทุกครั้ง
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เคยเบื่อที่จะตอบเพราะเซฮุนดีกับเขาเสมอ..
(ไอ้ชานยอลมันดื่มชาเขียวของนายไหม) เซฮุนถามออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆซึ่งมันแทงใจดำของคนฟังเหลือเกินเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ แบคฮยอนเป็นคนจิตใจเปราะบางแม้กระทั่งกับคำพูดตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“เขาปัดมันทิ้งครับ” คนถูกถามตอบไปตามความจริง
(มันจะทำมากเกินไปแล้วนะ! นายโอเครึเปล่า ดูแลร่างกายตัวเองให้ดีๆ ถ้ามีอะไรก็โทรมาบอกฉันได้ตลอดเลยนะ )
“ขอบคุณมากเลยนะครับแต่ผมโอเค ผมต้องรีบไปเอาผ้าชุบน้ำไปทำความสะอาดคราบชาเขียวแล้ว ขอบคุณอีกครั้งนะครับ” หลังจากพูดจบก็ตัดสายไปทันทีเพราะเขาแอบเห็นว่าชานยอลเหลือบสายตาดุๆมาทางนี้ เพราะอย่างนั้นเขาก็ไม่กล้าคุยโทรศัพท์กับใครทั้งนั้น
บางทีชานยอลอาจจะกำลังหึงเขาก็ได้..
“มายืนทำเชี่ยไรอีก กูไล่แล้วไม่ใช่เหรอไง” ชานยอลกดปิดทีวีอย่างไม่สบอารมณ์หลังจากที่เห็นคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักของตัวเองถือผ้าชุบน้ำพร้อมกะละมังออกมาทางนี้
“เรากลัวมดขึ้นแล้วกัดชานยอล ถึงต้องมาทำความสะอาด เราขอเวลาแปปเดียวนะ” แบคฮยอนพยักหน้าเป็นเชิงขอร้องแล้วกระพริบตาปริบๆหวังว่าจะให้อีกคนเห็นในด้านนี้ของเขาแล้วใจอ่อนลงบ้าง แต่ไม่เลยมันกลับเป็นการกระทำที่น่าเบื่อสำหรับชานยอลจริงๆ
ทำไมเขาถึงเบื่อแบคฮยอนแบบนี้นะ แม่งทำอะไรก็ขัดใจไปหมด! ทำไมไม่หัดทำตัวน่ารักให้ได้สักครึ่งนึงของโดคยองซูซะบ้าง เขาจะได้ไม่ต้องมาหงุดหงิดแบบนี้
“เออ มึงอยากอยู่ตรงนี้ก็อยู่ไปเลย กูไปเองก็ได้!” คนตัวสูงพูดจบก็ขว้างรีโมททีวีจนกระทบกับผนังสีครีมอย่างไม่สนใจใยดี เล่นทำเอาคนตัวเล็กกว่าชะงักจนทำอะไรแทบไม่ถูก ชานยอลจะใจเย็นๆกับเขาเหมือนที่เคยทำบ้างไม่ได้หรือไง
ทั้งที่ตั้งใจจะยกกะละมังไปวางข้างๆกับคราบที่หกเลอะเทอะแต่กลับโดนคนร่างสูงเดินกระทบไหล่อย่างรุนแรงและได้แต่มองแผ่นหลังกว้างนั้นเดินออกจากห้องไป
อีกแล้ว..
น้ำตามันไหลอีกแล้ว..
ร่างเล็กทรุดตัวลงตรงนั้นอย่างไม่มีแรงที่จะพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนอีกต่อไป ในสมองที่ว่างเปล่ามันคิดอะไรไม่ออก มันหาวิธีที่จะทำให้ชานยอลกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ สายตาที่แสนอ้างว้างได้แต่มองแก้วชาเขียวที่แหลกสลายอย่างไม่มีใครสนใจใยดีตรงนั้น มันไม่น่าสนใจและไม่มีใครอยากจะเก็บมันไปทำความสะอาด
บางทีแบคฮยอนอาจจะได้เป็นแก้วชาเขียวสำหรับชานยอลจริงๆ..เป็นแค่แก้วชาเขียวที่หล่นแตกไปแล้ว..
หลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยเขาก็ตัดสินใจมานอนรอชานยอลกลับมาที่โซฟา แน่นอนว่าแบคฮยอนไม่สามารถกลับไปนอนเตียงที่ชานยอลนำพาใครอีกคนมาพลอดรักกันไม่ได้..
บยอนแบคฮยอนไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้น
มือเล็กคว้าถุงยานับสิบจำนวนที่เขาก็ไม่รู้ว่ามันมีอะไรบ้างเพราะเขาไม่ได้เรียนแพทย์ แต่เป็นเพราะถูกกำชับว่าต้องทานทุกวันจึงเป็นเหตุที่เลี่ยงไม่ได้ทั้งที่เขาเกลียดการทานยามากกว่าสิ่งใด
แบคฮยอนยังจำครั้งล่าสุดที่ฝืนใจทานยาตอนที่กำลังไม่สบายลงไปเพราะมีชานยอลอยู่ข้างๆ
‘ทานหน่อยนะครับคนดี’
‘จะได้หายไวๆแล้วอยู่กับผมไปนานๆไง’
‘ที่รักของผมเก่งที่สุดเลย’
คำพูดเหล่านั้นแบคฮยอนไม่เคยลืมว่ามันมาจากลมปากของใครอีกคน ครั้งนี้เขาก็พยายามทานยาให้ลงแล้วได้แต่นึกว่าเพื่อเป็นการอยู่กับชานยอลไปนานๆอย่างที่เคยพูดเอาไว้ อันที่จริงแล้วครั้งนี้มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับตอนนั้นเพียงแต่แบคฮยอนไม่มีใครอีกคนที่เคยให้กำลังใจเขาอยู่ข้างๆแล้ว
คนตัวเล็กนั่งฝืนกลืนเม็ดยาลงไปในลำคอแล้วตามด้วยน้ำเปล่าอุ่นๆ รสชาติขมนั้นทำให้อีกคนหน้ามุ่ย นี่เขาต้องผ่านความลำบากแบบนี้ไปถึงอีกสองเดือนข้างหน้าเลยหรือไง ได้แต่ภาวนาว่าเขาคงจะชินเข้าสักวัน
มือเล็กวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะก่อนที่จะสังเกตกรอบรูปที่วางคว่ำเอาไว้ทั้งที่ก่อนหน้านี้มันถูกประดับห้องไว้อย่างสวยงาม แบคฮยอนไม่รู้ว่าทำไมมันถึงถูกวางไว้แบบนี้ เขาไม่รู้ว่าคยองซูจะเห็นมันหรือเปล่าและทำอะไรกับมันบ้าง แต่แล้วเขาก็หยิบมันขึ้นมาดูแล้วเอนศีรษะตัวเองให้นอนบนพนักของโซฟาตัวยาว
นำกรอบรูปนั้นขึ้นมาดูแล้วก็แอบยิ้มอยู่ภายในใจ มันเป็นภาพตอนที่เราไปเที่ยวด้วยกันเมื่อปีก่อน มันเป็นภาพที่ชานยอลกำลังยิ้มให้เขาอย่างสดใสซึ่งเขาเป็นคนถ่ายเองโดยที่เขาเอื้อมมือไปชูสองนิ้วอยู่ในภาพ
เมื่อก่อนนั้นชานยอลยิ้มให้เขาบ่อยมากจนเขาคิดว่ามันมากเกินไปแล้ว แต่สำหรับตอนนี้มันกลับไม่มากพอจนเขารู้สึกต้องการมันมากกว่าเดิม..
ข้อดีของภาพถ่ายคือบันทึกความทรงจำแต่ข้อเสียของมันคือตอกย้ำความจริงที่เปลี่ยนไป..
ใช่..ไม่มีอีกแล้วปาร์คชานยอลคนเดิมที่ยิ้มให้เขาอย่างมีความสุขที่ได้อยู่ร่วมกันจริงๆ..
ไม่อยากจะบอกเลยว่าดวงตากลมโตของเขาเอ่อคลอไปด้วยน้ำใสๆอีกแล้ว ทำไมพักนี้เขาร้องไห้บ่อยขนาดนี้ เหลือบสายตาไปมองนาฬิกาที่แขวนบนผนังห้องที่บอกเวลาว่าตีสองแล้ว อุณหภูมิที่เย็นยะเยือกมันเทียบไม่ได้เลยกับจิตใจดวงน้อยของเขาที่เต็มไปด้วยความเหงาและการโหยหาอ้อมกอดเพื่อสร้างความอบอุ่นจากใครสักคนหนึ่ง
ในเมื่อตัวจริงไม่อยู่เขาก็ได้แต่กอดกรอบรูปภาพนั้นเอาไว้แน่นราวกับว่ามันเป็นที่ยึดเหนี่ยวสุดท้ายที่ทำให้รู้สึกว่าชานยอลยังอยู่ตรงนี้
คนตัวเล็กหลับตาปี๋เพื่อพยายามฝืนหลับและสามารถนำพาตัวเองผ่านพ้นค่ำคืนที่แสนโหดร้ายนี้ไปได้อีกคืนหนึ่ง
..
สำหรับแบคฮยอนต่อให้ความหวังมันมีอยู่เพียงน้อยนิดแต่เขาก็เลือกที่จะหวังต่อไปถ้ามันสามารถแลกกับการที่จะทำให้ใครคนนึงกลับมาเป็นเหมือนเดิม
..
“ตื่นๆๆๆๆๆๆ กูหิว!!!!!!” เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นเพื่อปลุกให้คนที่กำลังอยู่ในห้วงนิทราตื่นขึ้นมาอย่างไม่พร้อมนัก แบคฮยอนสะดุ้งตื่นจนตัวโยนแล้วยิ้มกว้างเมื่อเห็นชานยอลกลับมาแล้ว
“ยิ้มเชี้ยไร กูหิวมึงไปหาไรให้กูกินเดี๋ยวนี้” ชานยอลใช้สายตาจ้องไปที่คนตัวเล็กอย่างดุดันก่อนที่จะใช้มือหนาคว้าคอเสื้อเอาไว้เพื่อให้ลุกขึ้นมา
“ปล่อยนะเราเจ็บ เราจะไปหาอะไรให้กินแล้ว” แบคฮยอนตอบเสียงสั่นจนไม่เป็นคำพูด แค่นี้ถึงกับต้องลงไม้ลงมือกับเขาเลยเหรอ โหดร้ายเกินไปแล้วนะ
“เร็วๆเลย” ผลักไหล่อีกคนให้ไปยังห้องครัวแล้วร่างสูงก็กลับมาทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยความเหน็ดเหนื่อยเป็นเพราะเมื่อคืนใช้แรงมากเกินไปหน่อย
ในตู้เย็นแทบจะไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่เลยทั้งที่สองสามวันก่อนเขาก็เพิ่งจะซื้อของเขามาเก็บไว้ ตัวเขาเองก็แทบไม่ได้ทานอะไรมากนักถ้าคิดว่าชานยอลทานคนเดียวหมดก็คงเป็นไปไม่ได้ นอกซะจากว่าชานยอลจะไม่ได้ทานคนเดียว..
และความเป็นไปได้มันก็อยู่ที่ข้อหลังมากกว่า ทว่าตอนนี้เขาไม่มีเวลามาคิดอะไรมากนักเพราะชานยอลกำลังหิวและเขาไม่สามารถปล่อยให้ชานยอลหิวไปได้มากกว่านี้ได้
กวาดสายตามองรอบๆตู้เย็นก็เห็นกิมจิอยู่จำนวนหนึ่งคนตัวเล็กก็ยิ้มกว้าง อย่างน้อยเขาก็ยังสามารถทำข้าวผัดกิมจิให้ชานยอลทานได้
เกือบสิบห้านาทีที่เขาฟังชานยอลตะโกนด่าว่าชักช้าและร้องโอดครวญด้วยความหิว ซึ่งแบคฮยอนทำข้าวผัดกิมจิใส่จานแล้วนำไปตั้งบนโต๊ะอาหารให้คนรักเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ร่างสูงเดินไปนั่งที่โต๊ะ เขาก็เห็นคนตัวเล็กนั่งตรงฝั่งตรงข้ามอย่างไม่ชอบใจนัก
แบคฮยอนแอบอมยิ้มเล็กๆเมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่ชานยอลไม่ปริปากบ่นเขาสักคำ หนำซ้ำยังตั้งใจกินอาหารที่เขาทำมากกว่าเสียอีก ผิดกับเมื่อคืนที่เป็นจริงๆสงสัยชานยอลอาจจะดีกับเขามากขึ้นแล้ว
พูดถึงเมื่อคืนแล้วแบคฮยอนก็ถึงกับขมวดคิ้ว อยู่ๆก็สงสัยขึ้นมาว่าชานยอลหายไปไหนมา แล้วบริเวณรอบดวงตาที่มีสีดำคล้ำขึ้นมานั่นอีก ไปอดหลับอดนอนมาจากไหนกันนะ
“เมื่อคืนชานยอลหายไปไหนมาเหรอ” สุดท้ายแล้วก็ทนความสงสัยไม่ไหวถึงได้เอ่ยถามออกไป ทว่าคำถามง่ายๆกลับทำให้คนที่ทานข้าวผัดกิมจิอยู่ถึงกับหยุดชะงักแล้วเหลือบสายตามองเขาอย่างแข็งกระด้าง
“ข้างนอก” ตอบรับกลับมาห้วนๆนั้นแต่ก็ทำให้แบคฮยอนยิ้มได้ อย่างน้อยชานยอลก็ไม่ได้ด่าเขาเหมือนที่เคยทำแต่ก็ไม่ได้ช่วยคลายความสงสัยให้เขาได้แม้แต่นิดเดียว
“..เมื่อคืนไม่ได้นอนเหรอ ทำไมขอบตาดำแบบนั้นล่ะ” แบคฮยอนตัดสินใจเอ่ยถามออกไปอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง แบบนี้มันดูไม่ดีเลย
“นั่นมันก็เรื่องของกูไหม!” ชานยอลตะคอกใส่ทำเอาคนตัวเล็กถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ อารมณ์ขึ้นๆลงๆแบบนนี้มันคืออะไรกัน
“เราขอโทษ เราจะไม่ถามแล้วทานข้าวต่อเถอะนะอย่าโกรธเราเลย เราสัญญาว่าจะนั่งเงียบๆ” แบคฮยอนรีบโค้งหัวขอโทษอย่างรู้สึกผิด ไม่ชอบเลยเวลาคนรักอารมณ์ขึ้นแบบนี้ เพราะงั้นการที่เขานั่งเงียบๆและเก็บความสงสัยไว้ในใจมันคงจะดีกว่าเป็นหลายเท่าตัว
“ … ” ห้านาทีผ่านไป
“ … ”
“ … ” สิบนาทีผ่านไป
“…แค่กๆๆๆ” แบคฮยอนกระแอมออกมาเบาๆทั้งที่พยายามฝืนเอาไว้อย่างทรมาน แลกกับการได้นั่งมองคนรักแบบนี้แล้วมันคุ้มกว่าเป็นไหนๆ
ฝืนไว้..ฝืนไว้
“ … ”
“แค่กๆๆๆๆๆๆ” ชานยอลเหลือบตามองเขา ชานยอลต้องเป็นห่วงเขาแน่ๆเลย
“ … ”
“แค่กๆๆๆๆ..ฮึก”
“โธ่เว้ย!” เสียงตะเกียบกระแทกกับถ้วยข้าวด้วยความหงุดหงิดก่อนที่ใบหน้าคมจะมองมายังเขา “ไม่สบายก็ไปหายากินดิวะ รำคาญ! ไม่กินแม่งแล้วข้าวเนี่ย”
“ชานยอล เราขอโท..แค่กๆๆๆ” แบคฮยอนใช้มือเล็กทาบบริเวณหน้าอกของตัวเองไว้ด้วยความเจ็บปวดจากการอาเจียน เขาเห็นร่างสูงเดินออกไปจากโต๊ะทานข้าวโดยไม่หันมาสนใจเขาเลย แต่เมื่อครู่นี้ชานยอลบอกให้เขาไปทานยาแปลว่าชานยอลยังเป็นห่วงเขาอยู่แน่ๆ เพราะงั้นแบคฮยอนถึงได้ยอมทำตาม
หลังจากทานยาเสร็จร่างเล็กก็นำถ้วยจานไปทำความสะอาด ใช้เวลาเกือบสิบห้านาทีกว่าจะเสร็จภารกิจของตัวเอง แบคฮยอนพาร่างตัวเองออกมายังห้องนั่งเล่นทว่า..
“มาแล้วเหรอครับ” เป็นชานยอลที่พูดขึ้นอย่างดีใจหลังจากที่เปิดประตูห้องให้คยองซูเข้ามา
“คิดถึงล่ะสิ” ใบหน้านิ่งของคยองซูยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนที่ชานยอลจะพยักหน้าแล้วใช้มือหนาสองข้างประคองใบหน้าของอีกคนเข้ามาประกบริมฝีปากลงไปอย่างหนักหน่วง ไม่นานหนักคยองซูก็จูบตอบกลับมาอย่างรู้งาน
ทั้งสองคนกำลังจูบกันโดยที่ไม่รู้เลยว่าบยอนแบคฮยอนยังยืนอยู่ตรงนี้..ยืนอยู่ในห้องที่เคยเป็นแค่ของเราสองคน
เห็นอย่างนั้นแล้วถึงกับทำตัวไม่ถูก เขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าจุดยืนของตัวเองอยู่ตรงไหนและเขาควรทำอะไรในเวลานี้ การได้เห็นในสิ่งที่เกิดขึ้นจริงมันเจ็บปวดกว่าสิ่งที่จินตนาการว่าสามารถรับได้เลยด้วยซ้ำ
“อะ อ้าว..” คยองซูผละออกมาเพราะเห็นร่างเล็กยืนอยู่ตรงนี้ ชานยอลเบือนหน้ามาตามสายตาของคยองซูก่อนที่จะออกสายตาตำหนิคนตัวเล็กที่มาขัดจังหวะเขาในตอนนี้
“อะ เอ่อ..” แบคฮยอนตั้งใจจะขอโทษ..แต่ว่ามันเป็นอีกแล้ว น้ำตาไหลออกมาอีกแล้ว..
“นี่เพื่อนผมน่ะ แบคฮยอน” เป็นชานยอลที่เอื้อนเอ่ยออกมาเป็นคำพูดคำจาก่อนที่แบคฮยอนจะมีโอกาสพูดมากกว่านี้ แต่เดี๋ยวนะ ชานยอลบอกว่าเขาเป็นเพื่อนเหรอ..
“เพื่อน?” แบคฮยอนถามซ้ำอีกครั้ง
“ใช่..นายเป็นเพื่อนฉันไง”
สำหรับปาร์คชานยอล บยอนแบคฮยอนเป็นแค่เพื่อนงั้นเหรอ..
ตอนนี้คนตัวเล็กไม่สามารถยืนอยู่ตรงหน้าของคนทั้งสองคนได้อีกต่อไปแล้ว ใบหน้าเรียวก้มหน้าลงมองพื้นกระเบื้องเพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าตอนนี้เขากำลังร้องไห้ ขาเล็กพยายามเร่งให้ตัวเองก้าวไวขึ้นแต่สำหรับแบคฮยอนมันกับช้าลงทุกวินาที
แบคฮยอนนั่งรอโอเซฮุนที่ร้านกาแฟข้างล่างคอนโดเช่นเคย ตอนนี้เขาทำตัวไม่ถูก ไม่คิดเลยว่าการได้เห็นเต็มๆตามันจะทำให้เขาเจ็บปวดมากขนาดนี้ มากยิ่งกว่าตอนที่รับรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายด้วยซ้ำไป
ไม่นานนักเขาก็เห็นร่างสูงของโอเซฮุนเดินตรงมาทางนี้ เขารีบคว้าผ้าเช็ดหน้าสีฟ้าผืนเดิมมาเช็ดน้ำตาลวกๆ เขาไม่อยากอ่อนแอต่อหน้าเซฮุนอีกต่อไปแล้ว เซฮุนช่วยเขามามากเกินไปแล้ว
“สวัสดีครับ” แบคฮยอนเอ่ยทักทายก่อนที่จะผายมือให้คนตัวสูงนั่งลงตรงโซฟาตรงข้าม สีหน้าของเซฮุนดูร้อนรนมากกว่าทุกครั้งที่เป็นอยู่ บางทีเซฮุนก็เป็นเพื่อนที่ดีเกินไปสำหรับเขา
“ไอ้ชานยอลมันทำอะไรนายอีก บอกฉันมา” เซฮุนถามขึ้นมาโดยไม่เว้นระยะใดๆราวกับว่าเขามาเพื่อตั้งใจจะถามประโยคนี้ตั้งแต่ทีแรกอยู่แล้ว
“ผมไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี..” แบคฮยอนส่ายหัวน้อยๆแล้วกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอราวกับว่าสิ่งที่จะพูดต่อไปนี้มันเป็นเรื่องที่ยากมากนัก ใช่..คำที่จะสามารถอธิบายความรู้สึกของเขาตอนนี้ได้ดีที่สุดก็มีเพียงแค่ ‘เจ็บปวดทรมาน’
“เกิดอะไรขึ้นแบคฮยอน”
“ … ”
“ … ”
“ ผมเห็นเขาจูบกัน.. ”
“ … ” สิ้นสุดคำพูดที่แสนเจ็บปวดนั้นน้ำตาใสๆก็เอ่อท่วมดวงตากลมโตออกมาโดยที่ไม่ได้นัดหมาย เขาหยุดมันไม่ได้ เขาเข้มแข็งต่อไปไม่ได้อีกแล้ว แบคฮยอนซับหน้าลงบนผ้าเช็ดหน้าผืนเล็ก
“คุณช่วยบอกผมได้ไหมครับว่าต่อจากนี้ผมจะทนมองหน้าชานยอลต่อไปได้ยังไง ผมจะสบตาเขาโดยที่ไม่นึกถึงตอนที่เขาจูบกับคนอื่นหรือมีอะไรกับคนอื่นได้ยังไง” แบคฮยอนปล่อยโฮออกมาเต็มที่ น้ำตาลูกผู้ชายนั้นมีความหมายมากนัก เขารักปาร์คชานยอลมากจริงๆ ซึ่งตอนนี้เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าความรักอย่างเดียวมันจะพอหรือเปล่าสำหรับการอยู่ด้วยกันตลอดไป..
“ฉันว่าถ้านายเหนื่อยก็พักเถอะ..รู้ไหมว่านายยังมีฉันอยู่อีกทั้งคน” บัดนี้เซฮุนไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนมาปลอบใจคนตัวเล็กตรงหน้า นอกจากการตัดสินใจที่จะบอกความในใจของตัวเองออกไป
“หมายความว่ายังไงครับ” พอได้ยินสิ่งที่อีกคนกำลังจะพูดออกมานั้นแบคฮยอนก็ถึงกับเบิกตาโพลง หวังว่าจะไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดหรอกนะ
“ถ้านายจะคิดได้นายก็น่าจะรู้ว่าฉันอยู่ข้างนายเสมอ เวลานายเจ็บปวดฉันก็อยากจะปลอบเพราะไม่อยากให้นายอยู่ในสภาพทรมานแบบนั้น แล้วรู้ไหมตอนที่ฉันรู้ว่านายเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายฉันเครียดมากแค่ไหน ฉันคิดไม่ออกว่าถ้าไม่มีนายแล้วต่อไปมันจะเป็นยังไง” โอเซฮุนพูดทุกอย่างออกมาจนหมดเปลือก วินาทีนี้เขาอยากให้อีกคนได้รับรู้ว่าในโลกของแบคฮยอนยังมีเขาอยู่อีกคน “เพราะฉะนั้นสองเดือนที่เหลือให้ฉันเป็นคนดูแลได้ไหม”
“ … ” คนโดนสภาพความในใจถึงกับพูดอะไรไม่ออก แบคฮยอนไม่คิดเลยว่าตลอดเวลาที่โอเซฮุนทำดีด้วยเพราะเขาคิดแบบนี้ แต่ความจริงเขาก็ผิดเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายไปขอคำปรึกษาจากอีกคนก่อน..
“ … ” ดูจากสีหน้าของอีกคนแล้วเรื่องระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้แน่ เซฮุนไม่ได้ต้องการให้คบกัน เขาแค่อยากดูแลคนตัวเล็กไปจนวันสุดท้ายก็เท่านั้น
“คุณรู้ไหมว่าทำไมผมกับชานยอลเราถึงรักกัน” อยู่ๆแบคฮยอนก็เปลี่ยนเรื่องขึ้นมาเสียอย่างนั้น จากดวงตาที่เบิกโพลงกลับสงบลงช้าๆและเข้าสู่โหมดปกติ
“ … ” เซฮุนส่ายหน้าช้าๆ ที่ไม่รู้ก็เป็นเพราะว่าเขากับชานยอลเป็นเพื่อนกันหลังจากที่ชานยอลคบกับแบคฮยอนแล้ว
“ตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย ผมกับชานยอลเราเริ่มต้นจากการเป็นแค่คนรู้จัก เขาไม่ได้จีบผมเหมือนคนอื่นทั่วๆไป เขาค่อยๆทำดีกับผมมากขึ้นเรื่อยๆ เขาช่วยเหลือผมในทุกๆเรื่องไม่ว่าจะเป็นด้านการเรียนหรือกิจกรรม” แบคฮยอนค่อยๆอธิบายพลางนึกถึงเหตุการณ์ในสมัยเรียนซึ่งกว่าจะผ่านมาจนถึงทุกวันนี้มันไม่ได้ง่ายเลย
“ … ”
“จากการเป็นแค่คนรู้จักเขากับผมก็กลายมาเป็นเพื่อนกัน สนิทกันมากขึ้นจนวันหนึ่งเขาก็มาสารภาพกับผมว่าเขาคิดยังไง” แบคฮยอนจำได้ว่าตอนนั้นเขารู้สึกดีมากถึงมากสุด แม้ว่าการที่เป็นผู้ชายและผู้ชายด้วยกันมันจะทำให้ดูแปลกๆแต่สำหรับเขาแล้วความรู้สึกต้องมาก่อน “กว่าเราจะเริ่มต้นด้วยกันได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเหมือนที่คนสองคนบังเอิญผ่านมาปิ๊งกันแล้วคบกัน”
“ … ”
“ดังนั้นผมจึงคิดว่าการที่ชานยอลจะหมดรักผมง่ายๆมันก็เป็นไปได้ยาก ผมไม่สามารถคิดได้เลยว่ามันจะทำแบบนั้นได้ยังไงทั้งที่ตอนเริ่มมีความรู้สึกดีๆเราก็เริ่มมันมาพร้อมๆกัน” แบคฮยอนยังคงอธิบายถึงเรื่องราวดีๆในอดีต อธิบายถึงปาร์คชานยอลคนที่เขารักมากที่สุด “เพราะฉะนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ผมจะเบนใจจากเขาเพื่อไปรักใครคนใหม่เพียงแค่เขาอาจจะกำลังสับสนใจตัวเอง”
“ … ” พอถึงประโยคนี้โอเซฮุนถึงกับหยุดชะงัก มันเจ็บปวดซะยิ่งกว่าการถูกปฏิเสธตรงๆจากปากของแบคฮยอนด้วยซ้ำว่าผมไม่มีทางรักคุณ
“คุณรู้ไหมครับว่าผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ ชานยอลเคยใช้มันซับน้ำตาให้ผมตอนที่ผมกำลังร้องไห้” พูดจบแบคฮยอนก็ชูผ้าเช็ดหน้าสีฟ้าที่ปักหัวใจเอาไว้ เซฮุนเองก็เพิ่งสังเกตว่ามันเป็นผืนเดียวกันกับที่แบคฮยอนใช้วันนั้น “สำหรับผมแล้ว ปาร์คชานยอลคือโลกทั้งใบ ที่ไม่ว่าโลกใบนั้นจะเลวร้ายมากแค่ไหน แต่ผมก็ยังอยู่กับเขาตลอดไป”
ความรักที่แบคฮยอนมีต่อปาร์คชานยอลมันมากเกินไปจริงๆ
“ไม่เป็นไร..สำหรับฉันกับนายเราก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้นะ” อันที่จริงแล้วประโยคนี้เซฮุนพูดปลอบใจตัวเองทั้งนั้น แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะไม่ยอมให้แบคฮยอนต้องทรมานอยู่แบบนี้แน่ๆ
“ผมไม่รู้ครับ ว่าผมควรทำอย่างไรต่อไปดี..” แบคฮยอนกลอกตาก่อนที่จะก้มลงมองพื้นกระเบื้องแล้วค่อยๆหลับตาช้าๆแล้วถอนหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อย
“นายต้องสู้นะแบคฮยอน ฉันจะพานายไปคุยกับไอ้ชานยอลเอง บอกกับมันแล้วทำให้มันกลับมาเป็นของนายเหมือนเดิม! เชื่อใจฉันนะ” เซฮุนพยักหน้าแล้วเม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรงเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับคนตรงหน้า
ขาทั้งสองข้างนำพาร่างของตัวเองมายังที่เดิมก่อนหน้านี้ เขาใช้เวลาไม่นานในการเปิดประตูและภาพที่เห็นเต็มสองตาคือคนรักของตัวเองกำลังนัวเนียอยู่กับใครอีกสักคนอยู่โดยที่ไม่สนใจความรู้สึกของเขาบ้างเลย
แบคฮยอนเดินนำเข้าไปพร้อมกับเซฮุน ร่างสูงของชานยอลที่คร่อมอยู่บนเรือนร่างของใครอีกคนเหลือบตามาทางนี้ทำให้เขาถึงกับชะงักและหยุดการกระทำอย่างไม่ทันตั้งตัว
ชานยอลจ้องตาเขม็งเพื่อบ่งบอกให้รู้ว่าตอนนี้เขากำลังหงุดหงิดที่เห็นแบคฮยอนอยู่ตรงหน้า เมื่อโดคยองซูเห็นอีกคนหยุดไปถึงได้เบือนหน้ามายังหน้าประตูห้องตามสายตาของคนบนร่าง
โชคดีที่ยังไม่มีการปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกไปมากมายนัก ชานยอลถอนหายใจอย่างหงุดหงิดแล้วลุกขึ้นออกมาจากบนเตียงก่อนจะมุ่งหน้าเข้ามายังตัวปัญหาสำหรับเขา
“มึงมาทำไมวะ ไม่รู้เหรอว่ากูกำลังทำอะไรอยู่” ชานยอลก่นด่าพลางติดกระดุมเสื้อให้อยู่ในสภาพที่พอทนดูได้ ไม่นานนักร่างบางของคยองซูก็ลุกขึ้นเดินมายืนขนาบข้างชายร่างสูง
“เพื่อนชานยอลลืมอะไรเหรอ?” คนใบหน้านิ่งถามอย่างไม่รู้เรื่องราวใดๆ
เพื่อนเหรอ..บอกแล้วไงว่าแบคฮยอนไม่ใช่แค่เพื่อน
“..ฉันไม่ใช่เพื่อนของชานยอลหรอกนะ!” แบคฮยอนกลั้นใจพูดประโยคนั้นออกมาในขณะที่ดวงตาเบิกกว้างแล้วกวาดสายตาไปมองทั้งคู่
ใช่..ภาพที่เห็นเมื่อครู่นี้มันเจ็บกว่าเดิมหลายเท่าตัว
“ไอ้ชานยอล ทำไมมึงทำกับเมียมึงแบบนี้วะ!” เป็นเซฮุนที่ทนไม่ไหวถึงตะคอกออกมาแล้วคว้าคอเสื้อของเพื่อนตัวเองเอาไว้
“ใจเย็นๆก่อนนะเซฮุน” แบคฮยอนเป็นฝ่ายเข้าไปรั้งร่างของเซฮุนให้ออกมาทั้งที่น้ำตาเริ่มคลอเบ้าอีกแล้ว เขาไม่อยากเป็นคนสร้างเรื่องให้ชานยอลรำคาญใจ เขาไม่อยากให้ชานยอลต้องเจ็บตัว
“หมายความว่าไงชานยอล” เป็นคยองซูที่ไม่เข้าใจกับสิ่งที่คนที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อนได้กล่าวไว้ คิ้วเรียวเลิกขึ้นสูงราวกับว่าต้องการคำอธิบายที่ชัดเจนจากใครสักคนในที่นี้
“ทวงสิทธิของนายสิ แบคฮยอน” เซฮุนยอมผละออกมาแล้วกระซิบบอกคนตัวเล็กที่ยืนร้องห่มร้องไห้อยู่ข้างกายเขา เขาไม่ชอบแบบนี้เลย ยิ่งแบคฮยอนเสียใจมากแค่ไหน โอเซฮุนก็ยิ่งเจ็บปวดมากเท่านั้น
“ฉันกับชานยอลไม่ได้เป็นแค่เพื่อนกัน เราคบกันมาก่อนนาย!..ฮึก” แบคฮยอนพูดเสียงสั่นบวกกับความอ่อนเพลียของร่างกายที่เริ่มมีมากขึ้นทุกนาที วินาทีนี้เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร มันทั้งเจ็บปวดที่จิตใจ ทั้งอวัยวะภายในหรือแม้กระทั่งภายในสมองที่กำลังคิดเรื่องราวต่างๆนาๆไม่มีวันหยุด
“พูดบ้าอะไร กูบอกเลิกมึงไปแล้ว มีแต่มึงนั่นแหละที่ไล่แล้วก็ไม่ยอมไปสักที!” เป็นชานยอลที่เดือดขึ้นมาเพราะถูกคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนรักของตัวเองแฉออกมาแบบนี้ เขาปิดบังคนข้างๆไว้ตลอดและสังเกตได้จากการที่คยองซูมองมาแปลกๆ ซึ่งชานยอลก็ส่ายหัวตอบรับกลับไป
“โธ่..นายมันก็แค่คนที่เขาทิ้งแล้ว ยังมีสิทธิอะไรมาให้ทวงคืนอีกเหรอ?” คนตัวเล็กไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้ยินประโยคนี้ออกมาจากปากของคยองซู มันเจ็บปวดอีกแล้ว ไม่เคยคิดจะเข้าใจความรู้สึกของคนหัวอกเดียวกันบ้างเหรอ
“มึงบอกเลิกแบคฮยอนตอนไหนวะชานยอล! แบคฮยอนดีกับมึงขนาดนี้ทำไมมึงกล้าทำกับเขาได้ลงคอ?!” เซฮุนเองก็เดือดไม่แพ้กัน มือเรียวกำหมัดแน่นจนเห็นเส้นเลือด ถ้าไม่ติดว่าแบคฮยอนห้ามเอาไว้เขาลงได้ต่อยเพื่อนตัวเองเข้าจริงๆ
“ดีเชี่ยไร ก็กูไม่ได้รักมันแล้ว คนที่กูรักตอนนี้เขายืนอยู่ข้างๆกู” เสียงทุ้มของชานยอลตะคอกออกมาจนคยองซูแอบยักคิ้วให้อีกคน แบคฮยอนทนไม่ไหวแล้วนะ ไม่ไหวแล้วจริงๆ ชานยอลจะใจร้ายกับเขามากไปแล้ว
“ตลอดห้าปีที่เราอยู่ด้วยกันมา ชานยอลทิ้งมันไว้ในอดีตหมดแล้วใช่ไหม?” ลมปากของอีกคนมันแผ่วเบาลงทั้งที่เจ้าของคำพูดพยายามออกเสียงมาให้ดังที่สุด
“ … ” ไม่มีคำตอบรับจากตรงหน้า แบคฮยอนสบตามองนัยน์ตาของคนร่างสูงที่บัดนี้ไม่มีเขาอยู่อีกต่อไปแล้ว
“ตอบเรามาสิ ว่าชานยอลเกลียดเรามาก เรามันน่าเบื่อ งี่เง่า น่ารำคาญ ไม่ดีเท่าคนใหม่ของชานยอล” แบคฮยอนกำลังตัดพ้อ สายตาที่แสนอ้างว้างนั้นมีวูบหนึ่งแอบเหลือบมองไปยังอีกคนที่พูดถึง เขาดูสะใจและไม่ร้อนรนอะไรกับสิ่งที่แบคฮยอนกำลังพูดเลย
“..ตอบเรามาว่าถ้าเราตายไป ชานยอลก็จะไม่รู้สึกอะไรเลย”
“ … ”
“ ชานยอลคงจะดีใจมากใช่ไหมถ้าเกิดวันหนึ่งไม่มีเราอยู่อีกต่อไปแล้ว..”
“ … ”
“ … ” เขาไม่สามารถกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลไปมากกว่านี้ได้อีกต่อไปแล้ว บัดนี้ใบหน้าเนียนใสกลับเปียกชุ่มไปด้วยน้ำใสๆ เขาจะไม่อดกลั้นต่อไปแล้ว
บยอนแบคฮยอนอ่อนแรงลงและกำลังจะตาย..
“ … ” ชานยอลมองคนน่าเบื่อตรงหน้าที่เอาแต่ตัดพ้ออะไรไร้สาระและน่ารำคาญ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาตอนนี้คือความรู้สึกของคยองซูว่าจะมองต่อเขาร้ายดียังไง
“ตอบเรามาสิชานยอล!” เป็นคนตัวเล็กเองที่เดินเข้าไปเขย่าร่างคนรักเพื่อเค้นคำตอบ “ตอบออกมาเลย เราจะได้เกลียดชานยอลทีเดียว”
“แบคฮยอน นายใจเย็นๆก่อนนะ” ในขณะที่เซฮุนก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน เขาพยายามรั้งร่างเล็กที่เอาแต่ดิ้นให้หลุดออกจากการจับกุมของเขา แบคฮยอนเขย่าร่างของชานยอลเหมือนคนกำลังไร้สติ ในขณะที่คยองซูทำได้เพียงยืนเฉยๆอย่างทรมานความรู้สึกของแบคฮยอน
“ตอบเรามาสิชานยอล!”
“ ใช่ ! ”
“ … ”
“ … ”
ผัวะ !
เพราะน้ำเสียงที่เย็นชาของคนรักตัวเองตอบมาแบบนั้นมันซึ่งบีบเค้นหัวใจของคนตัวเล็กมากเหลือเกิน เขาไม่สามารถยับยั้งการกระทำของตัวเองได้จนเผลอออกแรงตบคนหน้าคมตรงหน้าจนใบหน้าของชานยอลเบือนไปตามแรงตบ
“นี่มึงกล้าตบกูเหรอ!” เป็นชานยอลเองที่ไม่ยอมที่อีกคนกระทำแบบนี้ ไม่นานนักมือหนาก็กระทบเข้าที่แก้มบางๆด้วยความรุนแรงมากกว่าเกือบสิบเท่า
ผัวะ!
“ … ”
“ ไอ้เชี่ยชานยอล!!!!!!!!!!!! ”
บยอนแบคฮยอนหมดสติลงไปแล้ว..
เพื่อนตัวดีอย่างโอเซฮุนนำร่างไร้สติของแบคฮยอนออกไปจากห้องนี้แล้ว สิ่งเดียวที่สัมผัสได้จากแววตาสุดท้ายที่มันมองเขาแล้วก็ไม่มีอะไรนอกจากเป็นการบอกนัยน์ๆว่า ‘กูผิดหวังในตัวมึงจริงๆ’ แต่แล้วยังไงน่ะเหรอ ปาร์คชานยอลคนปัจจุบันไม่แคร์อยู่แล้ว สิ่งที่ต้องทำตอนนี้ก็มีเพียงคุยกับคยองซูเพื่อไม่ให้โกรธเขา
ถึงยังไง..เดี๋ยวทาสรับใช้เขาอย่างแบคฮยอนก็กลับมาภายในหนึ่งวัน..
สองวันต่อมา..
ใช่..เวลาล่วงเลยมาสองวันแล้ว โอเซฮุนนั่งนับทุกวินาทีที่พาบยอนแบคฮยอนมาไว้ที่บ้านของตัวเอง ทว่าตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วันนั้น ภาพความทรงจำสุดท้ายที่โดนคนรักของตัวเองตบหน้าด้วยความรุนแรงแล้วแบคฮยอนก็ยังไม่ได้ฟื้นขึ้นมาอีก
เขาสังเกตความผิดปกติของคนตัวเล็กได้ว่าริมฝีปากเริ่มแห้งผากจนลอกแตกเป็นขุยทั้งที่อากาศก็ไม่ได้หนาวมาก มีบ้างครั้งราวกับว่าระบบการหายใจเริ่มติดๆขัดๆซึ่งทำให้เขาเริ่มชั่งใจว่าจะพาแบคฮยอนไปโรงพยาบาลดีหรือไม่
ใช่..เขารู้ดีกว่าแบคฮยอนเกลียดโรงพยาบาล เกลียดการทานยา และถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากไปเหยียบมันด้วยซ้ำ
ทว่า..การได้มองหน้าคนน่ารักแบบนี้นานๆมันก็ดีสำหรับเซฮุนเหมือนกัน เขาแทบจะหาโอกาสแบบนี้ไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นเซฮุนก็อยากเห็นแก่ตัวด้วยการขอหยุดเวลาไว้ตรงนี้นานอีกสักหน่อย
“..แค่ก แค่ก” จากริมฝีปากที่ฉีกกว้างด้วยรอยยิ้มกลับหุบลงทันทีที่ได้ยินเสียงคนตรงหน้าอาเจียนออกมา เขาค่อยๆประคองร่างแบคฮยอนให้ลุกขึ้นช้าๆแล้วเดินไปหยิบถังขยะเล็กๆมาให้
“เฮ้ นายไหวไหม ใจเย็นๆก่อนนะ” แม้ในใจจะกำลังดีใจที่คนตัวเล็กฟื้นแล้วแต่สภาพตอนนี้กลับน่าเป็นห่วงซะยิ่งกว่าเดิม ผิวหนังของแบคฮยอนเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็งนั่นทำให้เขาคิดไม่ตก
“แค่ก แค่ก..” แบคฮยอนหอบหายใจถี่ในขณะที่มีอีกคนคอยช่วยเหลือด้วยการลูบแผ่นหลังเบาๆ เขากลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคออย่างยากลำบากเพราะความเจ็บปวด ทำไมการตื่นนอนครั้งนี้มันทรมานแบบนี้ เปลือกตาหนักอึ้งจนแทบจะลืมไม่ขึ้น นึกถึงความทรมานแล้วก็อยากจะฆ่าตัวตายเสียตั้งแต่ตอนนี้
“นายนอนพักซะนะ ส่งมันมาให้ฉัน” เซฮุนประคองร่างคนตัวเล็กให้นอนลงบนที่นอนตามเดิม ก่อนที่จะรับถังขยะมาเพื่อนำไปทิ้ง ทว่า..
“ … ”
“ … ” ก่อนที่จะได้ตกใจอะไรซึ่งตอนนี้แบคฮยอนหลับสนิทไปแล้ว..
“แบคฮยอน!!!!” เซฮุนเขย่าร่างของอีกคนด้วยความตระหนกตกใจกับสิ่งที่เห็นในถังขยะนั่น เขากระตุ้นอีกคนให้ตื่นอย่างบ้าคลั่งแต่กลับไม่มีเสียงตอบรับใดๆ
“ … ”
“แบคฮยอน ตื่นสิ ตื่น!!”
“ … ”
แบคฮยอนอาเจียนออกมาเป็นเลือดสีแดงสด..
ริมฝีปากบางของปาร์คชานยอลค่อยๆพรมจูบไปทั่วใบหน้าเนียนใสของคนที่อยู่ใต้ร่าง กลิ่นกายหอมเย้ายวนนั้นเร่งให้ชานยอลเริ่มซุกไซร้ซอกคอขาวในขณะที่มือหนากำลังปลดกระดุมเสื้อของอีกคนเผยให้เห็นแผงอกสวย
อันที่จริงกว่าเขากับคยองซูจะคืนดีกันได้ก็เพิ่งจะไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ เป็นเพราะคนตัวดีอย่างแบคฮยอนนั่นแท้ๆเลยที่ทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โต พูดถึงมันแล้วก็เพิ่งนึกได้ว่าหายหน้าหายตาไปสองวันแล้ว ไหนละที่เคยบอกว่าถ้าโดนไล่จะกลับมาหาภายในหนึ่งวัน
ที่นึกถึงแบคฮยอนนี่ไม่ใช่คิดถึงหรือพิศวาสอะไรทั้งนั้น อย่างมากชานยอลก็แค่ขาดคนหาข้าวให้ทานหรือแม้แต่คนทำความสะอาดห้องให้ก็เท่านั้น จะว่าไปเขาก็ควรเลิกนึกถึงแบคฮยอนสักทีเพราะยังมีคนน่าสนใจกว่าอย่างคยองซูอยู่ตรงนี้
จมูกโด่งของคนร่างสูงค่อยๆลากจากหน้าอกบางลงมายังหน้าท้องแบนราบ คยองซูกลั้นความเสียวซ่านจากสัมผัสที่ได้รับด้วยการขยี้กลุ่มผมนุ่มของอีกคนจนเละไม่เป็นทรง ใบหน้าของชานยอลเลื่อนต่ำลงเรื่อยๆในขณะที่มือเอื้อมไปปลดตะขอกางเกงของอีกคน
Rrrrrrrrrr
เสียงริงโทนโทรศัพท์ราคาแพงที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนหัวเตียงดังขึ้นนั้นทำให้ขัดจังหวะของเขาเพียงเล็กน้อย ไม่นานนักมันก็ดับไปก่อนที่ชานยอลจะหันมาสนใจกิจกรรมที่เขากำลังทำอยู่อย่างสนุกสนาน
ชานยอลดึงกางเกงของคนใต้ร่างจนมากองอยู่ที่ข้อเท้าของเจ้าตัวแล้วประกบริมฝีปากลงบนเรียวปากของอีกคนเป็นการหยอกล้อ
Rrrrrrrrrr
เสียงริงโทนโทรศัพท์ดังขึ้นไม่หยุด แม้ว่าเจ้าของพยายามจะลืมไปว่ามีมันวางอยู่ตรงนั้น แต่คยองซูกลับทนไม่ได้ มันช่างขัดใจเสียเหลือเกิน
“ ชานยอลไปรับสายเถอะ ” หลังจากได้ยินอีกคนพูดจบเขาก็ลังเลเล็กน้อยว่าจะหยุดเพียงแค่นี้หรือทำต่อไปดี แต่เสียงเรียกเข้ากลับดังมากขึ้นเรื่อยๆนั่นทำให้เขาตัดสินใจได้ไวขึ้น
“รอผมแปปนะครับ” พูดจบก็กดริมฝีปากลงไปเบาๆแล้วได้รับรอยยิ้มบางๆจากคนใต้ร่างเป็นคำตอบ ก่อนที่จะลุกออกจากเตียงแล้วเดินไปหยิบโทรศัพท์เจ้าปัญหานั่น บอกไว้ก่อนเลยว่าถ้าไม่สำคัญจริงเขาจะด่าคนโทรมายันโครตพอโครตแม่
“ฮัลโหล” ชานยอลกดรับแล้วทักปลายสายไปอย่างส่งๆเมื่อชื่อที่บันทึกไว้แสดงขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ว่า ‘โอเซฮุน’
( ตอนนี้มึงอยู่ไหนชานยอล ) ปลายสายรีบตอบกลับมาอย่างไม่รีรอ
“อยู่ห้อง มึงมีอะไร กูไม่มีเวลามาว่างคุยเรื่องไร้สาระหรอกนะ” ชานยอลจิ๊ปากอย่างหงุดหงิด เขาจะปล่อยเวลาให้ผ่านไปเนิ่นนานมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เขาอดใจไม่ไหวแล้วจริงๆ
( สำคัญแน่ ตอนนี้เมียมึงอยู่ที่ห้องฉุกเฉิน! ) เสียงเร่งรีบที่ตอบกลับมาของเพื่อนหนุ่มนั้นทำให้เขาส่ายหัวเบาๆ นี่น่ะเหรอเรื่องสำคัญ สำออยน่ะสิไม่ว่า
“สำออยอะไรอีก”
( แบคฮยอนเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย.. ) เสียงที่แผ่วเบาของเซฮุนตอบรับกลับมานั้นทำให้เขาไม่เชื่อว่ามันเป็นเรื่องเล่นๆ เซฮุนพยายามไม่บอกกับชานยอลตามคำขอของแบคฮยอนแล้ว แต่สุดท้ายเขาก็ทำไม่ได้เมื่อเห็นอีกคนจะเป็นจะตายอยู่รอมร่อแบบนี้
“ล้อเล่นเชี่ยไรกูอีก มึงว่างมากเหรอ” ถึงชานยอลจะพูดอย่างนั้นแม้ว่าเขากำลังใจเต้นอยู่น้อยๆแต่เขากลับอยากรู้เรื่องมากกว่านี้ ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆขึ้นมาล่ะ..
นานเกือบนาทีที่เขาไม่ได้สนใจคนที่นอนรออยู่บนเตียงนั่น ไม่นานนักเสียงข้อความเข้าก็ดังขึ้นมาซึ่งปรากฏว่าเป็นภาพถ่ายหน้าห้องฉุกเฉิน ชานยอลใจร้อนรนจนต้องโทรกลับไปหาเพื่อนสนิทอีกครั้งเพื่อยืนยันว่านี่ไม่ได้ล้อเล่น
ภาพแบคฮยอนกำลังจากไปมันแวบขึ้นมาในหัว..ทำไมเขาถึงต้องรู้สึกเปลี่ยวใจแบบนี้ นี่มันไม่ใช่เขาแล้ว..
“เกิดอะไรขึ้นเหรอชานยอล”
“ … ”
“เดี๋ยว นั่นนายจะไปไหน”
“ … ” ไม่ตอบคำถามของคนที่รอเก้ออยู่บนเตียง ทว่าชานยอลสูดลมหายใจเข้าก่อนที่จะวิ่งไปหยิบกุญแจรถและกระเป๋าตังค์เพื่อมุ่งหน้าไปโรงพยาบาลทันที
นานกว่าครึ่งชั่วโมงจนกว่าร่างสูงจะเดินทางมาถึงที่หมายแล้วมาเจอเพื่อนที่หน้าห้องฉุกเฉินอย่างที่บอกเอาไว้จริงๆ เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแบคฮยอนถึงหายไปหลายวันแบบนี้ทั้งที่เคยสัญญาเอาไว้
‘ต่อให้ชานยอลไล่เราสักล้านครั้ง เราก็จะกลับมาหาชานยอลภายในวันเดียวอยู่ดี..’
คำพูดประโยคนั้นลอยขึ้นมาดังก้องอยู่ในหัว เขากำลังสับสนตัวเองว่าทั้งหมดนี่มันเกิดอะไรขึ้น เขากำลังรู้สึกผิดต่อคนที่นอนอยู่ในห้องฉุกเฉินหรือว่าเขากำลังเกลียดตัวเองที่ทำนิสัยแย่ๆแบบนั้นกับแบคฮยอน
“มึงรู้เรื่องมานานแค่ไหนแล้ว” ชานยอลจ้องตาเพื่อนด้วยความโกรธ เรื่องใหญ่แบบนี้ทำไมถึงไม่บอกให้เขารู้
“สักพักหนึ่ง” เซฮุนไหวไหล่อย่างกวนส้นตีนแล้วตอบมาสั้นๆ ลึกๆแล้วเขาก็สะใจที่เพื่อนของตัวเองดูเสียใจหนักขนาดนี้ทั้งที่ก่อนหน้านี้เกือบทำให้แบคฮยอนตาย
“แล้วทำไมไม่บอกกู!” ปาร์คชานยอลโกรธหนัก เขาผลักเพื่อนสนิทจนแผ่นหลังกระแทกกับกำแพงแล้วคว้าคอเสื้อเอาไว้
“มึงเคยสนใจด้วยเหรอว่าแบคฮยอนจะเป็นยังไง” เป็นเซฮุนที่ตะคอกกลับมาด้วยถ้อยคำที่สามารถทำให้ชานยอลชะงักได้ ใช่..ที่เซฮุนพูดนั้นไม่ผิด ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยสนใจเลยว่าแบคฮยอนจะเป็นอยู่ยังไง หรือรู้สึกอะไรเป็นเพราะว่าเขากำลังเบื่อ..และอยากลิ้มลองสิ่งใหม่ๆที่คิดว่าดีกว่า
“ ... แบคฮยอนเป็นของกูมึงก็ต้องบอกกับกูทุกเรื่อง!”
“เขาเป็นของมึงแล้วมึงเคยรับรู้ไหมว่าแบคฮยอนเจ็บปวดมากแค่ไหน มึงเคยรู้ไหมว่าเขาต้องทนกับการกระทำของมึงทุกเรื่อง เขารู้เขาแค่ไม่พูด”
“ … ”
“ในวันที่แบคฮยอนรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย มึงเอาแต่ไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ใช่..เขาตั้งใจไปบอกมึงคนแรกไม่ใช่กู แต่แล้วเป็นไง โลกทั้งใบของแบคฮยอนพังทลายตั้งแต่มึงไล่เขาออกมาอย่างไม่สนใจใยดี”
“ … ”
“ในทีแรกที่กูรู้เรื่อง กูจะเอาไปบอกมึงแต่แบคฮยอนห้ามไว้ เขาบอกกับกูว่ายังไงรู้ไหม.. เขาบอกว่าไม่ให้บอกมึงเพราะไม่อยากให้มึงกังวลหนักเพราะนั่งนับวันว่าเมื่อไหร่เขาจะตายสักที”
“ … ” ฟังเพื่อนสนิทพูดออกมาถึงประโยคนี้แล้วเขาก็เริ่มเข้าใจความเจ็บปวดของแบคฮยอนมากขึ้น เขายอมรับว่าที่ผ่านมาเขามันเลวร้ายมาก เขาไม่เคยนึกถึงหัวอกคนที่รักเขามากที่สุดอย่างแบคฮยอนเลย
“ตอบเรามาสิ ว่าชานยอลเกลียดเรามาก เรามันน่าเบื่อ งี่เง่า น่ารำคาญ ไม่ดีเท่าคนใหม่ของชานยอล”
“ … ”
“..ตอบเรามาว่าถ้าเราตายไป ชานยอลก็จะไม่รู้สึกอะไรเลย”
“ … ”
“ ชานยอลคงจะดีใจมากใช่ไหมถ้าเกิดวันหนึ่งไม่มีเราอยู่อีกต่อไปแล้ว..”
“ … ”
“ใช่”
อยู่ๆคำพูดเหล่านั้นของแบคฮยอนก็ย้อนกลับคืนมาให้เขาได้คิดอีกครั้ง ชานยอลเผลอสะดุ้งตกใจกับเสียงตอบว่า ‘ใช่’ ของตัวเองอย่างเย็นชา ทั้งภาพและเสียงของเหตุการณ์วันนั้นมันย้อนกลับคืนมา ยิ่งย้ำเตือนให้เขารับรู้ว่าไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้อีกแล้ว
..
เมื่อถึงช่วงเวลานี้เขาถึงได้รู้ว่าถ้าขาดแบคฮยอนไปเขาไม่มีทางอยู่ได้อย่างสบายใจแน่ๆ.. เขาไม่มีทางดีใจและเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้สึกอะไรเลย
“แบคฮยอนร้องไห้ให้กูเห็นทุกๆวัน พยายามทำตัวเข้มแข็งทั้งที่ใกล้จะตาย เขาบอกว่าเพื่อทำหน้าที่คนรักให้ดีที่สุดและเพื่อให้มึงมีความสุขเขาก็ยอมทำ” เซฮุนจัดว่าเป็นเพื่อนที่แย่ที่สุดของเขาในตอนนี้ หมอนั่นเอาแต่ตอกย้ำความรู้สึกของเขาให้จมดิ่งลงไปเรื่อยๆ แต่นั่นก็สมควรแล้วสำหรับคนเลวอย่างเขา
“ … ” นี่เขาทำอะไรลงไป.. มีเพียงคำนี้เท่านั้นที่ปาร์คชานยอลเอาแต่ถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ในสมอง เข่าทั้งสองข้างที่เคยใช้งานได้ดีกลับทรุดลงกับพื้น มือที่เคยใช้ตบหน้าคนที่รักเขามากที่สุดกลับชาขึ้นมาอย่างขยับไม่ได้
ชานยอลจดจ้องมองมือหนาของตัวเองที่ได้กระทำเรื่องเลวร้ายไว้มาก คนที่รู้จักแค่ตัวเองและเห็นแก่ตัวมากอย่างปาร์คชานยอลไม่ควรได้รับการอภัยใดๆจากพระเจ้า ทว่าตอนนี้สิ่งที่ชานยอลอยากขอจากพระเจ้ามากที่สุดคือ
ไม่ให้บยอนแบคฮยอนเป็นอะไรไปได้ไหม..
난 생각만 하면 세상을 너로 채울수 있어
สำหรับฉัน เพียงแค่นึกถึง โลกทั้งใบก็เต็มไปด้วยเธอ
눈송이 하나가 네 눈물 한 방울이니까
เกล็ดหิมะนี่คือน้ำตาหนึ่งหยดของเธอ
단 한 가지 못 하는것은 널 내게로 오게 하는 일
สิ่งเดียวที่ทำไม่ได้ คือทำให้เธอกลับมาหากัน
이 초라한 초능력 이젠 없었으면 좋겠어
หากกำลังที่อ่อนแอนี้ของฉันจางหายไปได้ก็คงดี
늘 나밖에 몰랐었던 이기적인 내가
คนที่รู้จักแต่เพียงตัวเองและเห็นแก่ตัวอย่างฉัน
네 맘도 몰라줬던 무심한 내가
คนที่ใจร้าย ไม่รู้ใจเธออย่างฉัน
อย่างเดียวที่ตอนนี้ปาร์คชานยอลอยากจะขอคือให้เขาเป็นคนตายแทนได้ไหม..
เป็นเวลาคืนกว่าที่เขาต้องนั่งทรมานใจตัวเองอยู่หน้าห้องฉุกเฉินร่วมกับโอเซฮุน เพื่อนของเขาดูร้อนรนใจไม่แพ้กัน ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าหมอนั่นคิดกับคนรักของเขาในแบบพิเศษมากแค่ไหน
ถ้าหากว่าแบคฮยอนจะเลือกหนทางที่ดีแก่ตัวเองด้วยการตกลงปลงใจกับเซฮุนซะสิ้นเรื่อง บางทีเขาก็อาจจะไม่ต้องมานั่งรู้สึกผิดมากม่ายก่ายกองขนาดนี้ แต่อาจจะเป็นเขาเองที่ต้องฟูมฟายร้องไห้เพราะเสียคนที่ดีที่สุดไป
ยังดีที่โอเซฮุนปลอบใจเขาด้วยประโยคที่ว่าหมอสมัยนี้เก่งกันจะตายไป โรคมะเร็งถึงจะรักษาไม่หายแต่ก็สามารถยืดระยะเวลาที่เหลืออยู่ของแบคฮยอนไปได้ไกลมากกว่าแค่สองเดือนซึ่งมันน้อยนิดเกินไป..
Rrrrrrrrrrr..
เสียงริงโทนโทรศัพท์ของชานยอลดังขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้า ซึ่งเขารู้ดีว่าคนที่โทรมาไม่ใช่ใครนอกจากโดคยองซูที่เขาปล่อยให้รอเก้ออยู่บนเตียงนั่น ทว่าวินาทีนี้เขาจะยอมเป็นคนเลวอีกครั้งด้วยการเลิกติดต่อกับคยองซูเพื่อชัดเจนกับใครอีกคน
ชานยอลอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเองมากจนเซฮุนเดินมาบอกว่าหมอจัดการย้ายร่างของแบคฮยอนไปไว้ที่ห้องพักฟื้นแล้ว เขารู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อยที่อย่างน้อยแบคฮยอนก็ยังไม่เป็นอะไร แบคฮยอนยังมีเวลาที่เหลืออยู่กับเขาต่อไป..
ทว่าความสุขมันอยู่ได้ไม่นานเลย..
ชานยอลเม้มริมฝีปากแห้งผากแน่นจนเป็นเส้นตรงเมื่อเห็นสภาพคนรักของตัวเองชัดๆหลังจากหลายเดือนที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยสังเกตเลยว่าแบคฮยอนซูบผอมลงไปมากแค่ไหน..
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยสังเกตใบหน้าที่ซีดลงของแบคฮยอนเลย..
เพราะอะไรกันนะ?
“ .. แบคฮยอนนายต้องเข้มแข็งนะ” เสียงที่เปล่งออกมาอย่างแผ่วเบานั่นไม่ใช่ของเขา ทว่ากลับเป็นของโอเซฮุน นายนั่นถือวิสาสะไปกุมมือแบคฮยอนต่อหน้าเขาได้อย่างไร
ที่จริงแล้วควรถามว่าเขามีสิทธิที่จะทำอะไรได้บ้างในตอนนี้มากกว่า..
สายตาปรือของแบคฮยอนทอดมองออกไปสู่หนทางอันกว้างไกล คนตัวเล็กพูดอะไรไม่ได้อาจจะเป็นเพราะอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เชื่อมโยงไปทั่วร่างกายอย่างน่าอึดอัดหรือเป็นเพราะแรงที่มีไม่มากพอ
นัยน์ตาของแบคฮยอนดูอ่อนล้า ร่างเล็กไม่ได้หันมามองเขาแม้แต่น้อยทว่ากลับกวาดสายตามองออกไปยังนอกหน้าต่างใส แม้ว่าร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงจะอยู่ใกล้เขามากแค่นี้แต่จิตใจนั้นเสมือนว่ามันล่องลอยไปไกลเกินว่าที่ปาร์คชานยอลจะคว้าเอาไว้ได้แล้ว..
ชานยอลไม่รู้ว่าแบคฮยอนกำลังคิดอะไรอยู่..และในสิ่งที่แบคฮยอนกำลังคิดนั้นสามารถคิดที่จะให้อภัยเขาได้ไหม?
เจ็บยิ่งกว่าโดนส้นตีนอัดหน้ากลางมหาสมุทรแปรซิฟิกก็ตอนที่เซฮุนมาบอกกับเขาว่าแบคฮยอนยังไม่อยากเจอหน้าเขาในตอนนี้..
คงจะโกรธเขามากใช่ไหม.. เป็นคำถามที่หาคำตอบได้ไม่ยาก ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ชานยอลมานั่งดื่มอยู่ที่คลับเล็กๆแห่งหนึ่งเพียงคนเดียว ทว่าโดยรอบนั้นกลับมีผู้คนอีกมากมายที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม สนุกสนาน ต่างจากเขาโดยสิ้นเชิง
ไม่รู้ว่าแก้วที่เขาเพิ่งจะดื่มไปเป็นแก้วที่สิบสามหรือสิบสี่แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ เพียงแค่ปล่อยให้เวลามันผ่านเลยไปโดยไร้จุดหมาย
ชานยอลรู้ดีว่าผู้คนมากมายมักดื่มมันเพื่อลืม ทว่าปาร์คชานยอลไม่เคยลืมว่าได้กระทำอะไรแย่ๆลงไปไว้บ้าง และเขาก็ไม่ลืมว่าแบคฮยอนมีเวลาที่เหลืออยู่นั้นน้อยนิดเพียงใด..
แต่เขาไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปถ้าสมมติว่าแบคฮยอนออกจากโรงพยาบาลแล้วเลือกเซฮุนแทนที่จะเป็นเขา
แบคฮยอนจะไล่เขาเหมือนที่เขาเคยทำหรือเปล่า..
Rrrrrr..
เสียงเรียกเข้าดังขึ้นอย่างนี้มานานพอสมควรนั่นทำให้เขาหันไปสนใจกับปลายสายได้สักครั้งหนึ่ง พูดถึงโดคยองซูแล้วมันเพราะอะไรกันนะที่ทำให้เขากับแบคฮยอนเป็นไปได้ขนาดนี้..ชานยอลหลับตาลงช้าๆพลางนึกถึงเหตุการณ์นั้น
‘ อีกแล้ว..เป็นอีกครั้งแล้วที่เขากับแบคฮยอนทะเลาะกัน มันเริ่มจากเรื่องเล็กๆที่สามารถนำไปสู่เรื่องใหญ่ได้โดยไม่ต้องทำอะไรมาก ทุกครั้งที่เราทั้งคู่ทะเลาะกันแบคฮยอนไม่เคยผิดเลย แต่ทำไมคนตัวเล็กถึงต้องโทษตัวเองอยู่เสมอ ความรักที่แบคฮยอนมีให้เขามากจนสามารถยอมเขาได้ทุกเรื่อง
ใช่..เพราะอย่างนั้นมันถึงทำให้ปาร์คชานยอลเริ่มรู้จักกับคำว่า ‘เบื่อ’
ไม่รู้ว่าเขาเบื่อแบคฮยอนที่เอาแต่ก้มหน้ายอมรับความผิดทั้งที่ตัวเองไม่ได้ทำอะไรเลย หรือเขาเบื่อตัวเองที่ได้แต่ทำให้เกิดเรื่องแย่ๆขึ้นมาแบบนั้น
ชานยอลไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้เลยแม้ว่าจะลองทำทุกวิถีทาง เขาพยายามปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นแต่จุดจบของมันก็คือความพลาด แต่แล้วสุดท้ายก็เป็นแบคฮยอนที่โทษตัวเองขึ้นมาอีกว่าเป็นคนผิดเองทั้งที่มันไม่ใช่
เขาเครียดและไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้จนกระทั่งตัดสินใจออกมาดื่มและนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้พบกับคยองซู..
คยองซูทำหน้าที่รับฟังระบายความในใจของเขาที่ไม่สามารถบอกใครได้ ความรู้สึกผิดที่มีต่อแบคฮยอนที่ทำให้ต้องเจ็บปวด รวมถึงแนะนำวิธีแก้ปัญหา
ด้วยการให้ถอยออกมา..แล้วหาคนใหม่ที่ดีกว่า
แต่เขาไม่มีทางรู้เลยว่าเพราะตัดสินใจแบบนั้น ถึงได้เจอเรื่องที่แย่มากมายกว่าเดิมหลายเท่าตัวขนาดนี้..
ในทีแรกคยองซูมีความน่ารักมากในสายตาเขา คยองซูเป็นคนที่น่าสนใจและสามารถแก้ปัญหาความเบื่อของเขาได้ดี และที่สำคัญเขาไม่ต้องทำให้แบคฮยอนต้องมาจมอยู่กับความผิดที่ไม่ได้ก่อขึ้นเอง
นานวันเข้าจากที่เขาเริ่มสนใจในตัวคยองซู และความสัมพันธ์ของเราก็เริ่มมีมากขึ้น ชานยอลรู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อไม่ต้องพบกับปัญหาเดิมๆ จนมาถึงวันที่คยองซูแนะนำให้เขาไล่แบคฮยอนออกไป..’
ช่วงเวลานั้นชานยอลไม่คิดเลยว่าเขากับคยองซูจะเลยเถิดกันมาขนาดนี้ เขาไม่ได้คาดการณ์ในอนาคตว่าจะทำให้แบคฮยอนเป็นหนักมากกว่าเดิม ที่จริงเรื่องของคนสองคนก็ควรมีเพียงคนสองคนที่ช่วยกันแก้ปัญหา
ไม่ใช่บุคคลที่สาม..
ชานยอลเพิ่งคิดได้ก็เดี๋ยวนี้นี่เอง..
(ถ้านายไม่มาพบฉัน ฉันจะไปพบแบคฮยอนเอง) ข้อความเข้าจากโดคยองซูนั่นทำให้เขาถอนหายใจอย่างรุนแรง นับวันคยองซูยิ่งน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่น่าเป็นตัวต้นเหตุที่ก่อเรื่องทั้งหมดเลย..เขามันโง่เขลาจริงๆ
ชานยอลตัดสินใจที่จะแก้ไขตัวเองให้ดีขึ้นเพื่อชดเชยสิ่งที่เคยทำไว้กับแบคฮยอน ในตอนนี้เขาถึงได้ยอมมาตามคำขู่ของคยองซูที่ทำให้เขาเห็นตัวตนที่แท้จริงได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ชานยอลเปิดประตูห้องเข้ามาก็เห็นว่าคยองซูนั่งรอดูบนโซฟาเรียบร้อยแล้ว ใบหน้านิ่งยิ้มมุมปากเล็กน้อยอย่างพอใจในขณะที่กำลังเดินมาใกล้ร่างสูงของเขาที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมตรงหน้าประตูหลังจากปิดลงเรียบร้อย
“ที่นายยอมกลับมาหาฉัน เพราะนายเลือกฉันใช่ไหมล่ะ” ร่างบางของคยองซูขยับเข้ามาชิดใกล้จนผิวเนื้อสัมผัสกัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ชานยอลต้องการคนตรงหน้ามากแค่ไหนทว่าตอนนี้กลับไม่อยากเข้าใกล้แม้แต่น้อย “มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว คงไม่มีใครเลือกคนที่ใกล้ตายอยู่รอมร่อแบบนั้น”
“ … ” พอได้ยินประโยคเมื่อครู่แล้วชานยอลถึงกับชะงัก คยองซูรู้ได้อย่างไรกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับแบคฮยอน
“คงจะตกใจใช่ไหมล่ะว่าฉันรู้ได้ยังไง” เป็นคยองซูที่พูดต่อออกมาขณะที่ใบหน้าเงยขึ้นเพื่อมองคนร่างสูงกว่าอย่างไม่เกรงกลัว ชานยอลไม่ตอบรับอะไรกลับมาหรือเป็นเพราะพูดอะไรไม่ออกมากกว่า
“ … ”
“เพราะฉันชอบนายมาก ฉันถึงได้ตามสืบเรื่องของแบคฮยอนเพื่อเก็บเกี่ยวข้อมูลมาปลอบใจนาย และโอกาสมันก็มีมากยิ่งขึ้นเมื่อฉันรู้ว่าแบคฮยอนเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย” พอพูดมาถึงประโยคนี้แล้วคยองซูถึงกับยิ้มกริ่ม คนอย่างชานยอลไม่มีทางเลือกคนป่วยใกล้ตายแน่ ต้องเลือกคนที่น่าค้นหาอย่างเขานี่สิ..
ทว่าสิ่งหนึ่งที่คยองซูไม่เคยรู้คือความรักของทั้งสองคน..
“นายรู้มาตลอดว่าแบคฮยอนเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย แต่ก็ทำทุกอย่างเพื่อให้เขาเจ็บปวด นายยังมีความเป็นคนอยู่หรือเปล่า!” ชานยอลโกรธจนเลือดขึ้นหน้า มือแกร่งบีบต้นแขนของอีกฝ่ายไว้ด้วยอารมณ์โทสะ
ในทีแรกเขาพยายามจะมาเพื่อปฏิเสธอีกคนอย่างรักษาน้ำใจ ทว่าในเวลานี้มันไม่จำเป็นแล้ว
“ที่ฉันทำก็เพื่อนาย นายต้องบอกว่าฉันฉลาดสิถึงจะถูก” คยองซูเถียง “ฉันว่าเราอย่ามาทะเลาะกันเลยน่าชานยอล คนใกล้ตายก็ปล่อยไป แล้วมาเริ่มใหม่กับฉัน”
“ … ”
“ … ”
“ นายคิดผิดแล้วคยองซู ที่ฉันมาที่นี่ก็เพื่อจะบอกว่าต่อไปนี้เลิกยุ่งกับฉันซะ” สรรพนามที่เคยใช้ถูกเปลี่ยนให้ห่างเหินมากเกินไปกว่าเดิม น้ำเสียงที่เคยอ่อนหวานกลับเย็นชาอย่างไร้เยื่อใย ซึ่งการกระทำแบบนี้ชานยอลเคยทำกับแบคฮยอนมาก่อน
ต่อจากนี้มันจะไม่มีอีกแล้ว..
“นายพูดบ้าอะไร ชานยอล!” คยองซูจ้องคนตัวสูงตาเขม็ง ที่เขาทำทั้งหมดนั้นไม่ใช่เพื่อโดนบอกเลิกอย่างนี้หรอกนะ
“ฉันขอบใจและขอโทษที่ทำให้นายต้องเสียเวลา แต่ฉันกับแบคฮยอนเรารักกันดี เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกันอีก..” ทิ้งท้ายคำพูดไว้แค่นั้นก่อนที่จะหันหลังและเปิดประตูออกไป มือนิ่มที่เอื้อมมาคว้าแขนเอาไว้นั้นเขาสะบัดออกอย่างไม่ใยดี
“ชานยอล! ทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ!!” คยองซูตะโกนดังลั่นหวังให้อีกคนหันนกลับมา ทว่าดูเหมือนจะไม่ได้เป็นอย่างนั้น “ฉันไม่ปล่อยนายไปง่ายๆหรอกคอยดู!”
ปาร์คชานยอลก็ไม่มีทางกลับมาให้เขาเจอง่ายๆเช่นกัน..
เกือบสองสัปดาห์แล้วที่ชานยอลต้องอยู่เพียงลำพังที่บ้านหลังเก่าเป็นเพราะแบคฮยอนบอกว่ายังไม่อยากเจอหน้าเขา แม้ว่าบางคืนเขาจะแอบไปเฝ้าที่โรงพยาบาล บางวันก็แอบไปยืนดูอยู่ที่หน้าห้องพักฟื้น ที่เขาทำก็เพื่ออยากให้อีกคนไถ่โทษให้ก็เท่านั้น..
แต่เขาจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้อีกต่อไปไม่ได้แล้ว เวลาที่เหลืออยู่ของเขากับแบคฮยอนน้อยลงทุกวินาที
ไวกว่าความคิดเมื่อชานยอลพาร่างสูงของตัวเองกลับมาหยุดยืนอยู่ที่ห้องพักฟื้นของแบคฮยอน มือหนาคว้าสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ที่เขาเพิ่งเปลี่ยนไปพร้อมกับเบอร์โทรศัพท์เพื่อตัดขาดจากใครบางคน
‘อย่าเพิ่งมาเยี่ยมแบคฮยอนตอนนี้’ ส่งข้อความดักเตือนเพื่อนตัวดีที่เข้าเยี่ยมคนรักของตัวเองวันละหกสิบครั้งต่อชั่วโมง ให้ตายเถอะ ถ้ามันจะติดแฟนเขามากมายขนาดนี้นะ
หลังจากที่ก่นด่าเพื่อนของตัวเองแล้วเขาก็ต้องทำใจอีกครั้งเพื่อตัดสินใจว่าจะเปิดประตูเข้าไปดีหรือไม่ แม้ว่าใจจะยังไม่พร้อมแต่เขาอยากอยู่ใกล้แบคฮยอนแบบไม่ค้างคาใดๆเต็มแก่แล้ว
กึ่ก..
หมุนลูกบิดประตูเข้าไปทั้งที่ก้อนเนื้อหน้าอกข้างซ้ายยังคงเต้นไม่เป็นจังหวะ หากเขาพูดออกไปตามตรงแล้วแบคฮยอนจะให้อภัยคนที่กลับตัวแล้วอย่างเขาไหมนะ
ดวงตาคมมองไปยังผู้ป่วยที่สภาพร่างกายดูดีมากขึ้นกว่าตอนที่ยังไม่ได้รับการรักษา เซฮุนบอกว่าสภาพจิตใจของแบคฮยอนดีขึ้นมากและตั้งใจต่อสู้กับโรคร้ายนี้ให้ผ่านพ้นไปเร็วๆ
“..ชานยอล” พอคนตัวเล็กที่นอนอยู่บนเตียงเห็นร่างสูงของเขาเข้าก็รีบเบือนหน้านี้อย่างกับไม่อยากเจอนั่นทำให้เขาใจหวิวมากยิ่งขึ้นไปกว่าเก่า ขาทั้งสองข้างที่แข็งแรงดีกลับตั้งตัวแทบไม่ค่อยอยู่ เขาควรทำอย่างไรต่อไปดีนะ
ร่างสูงเดินอ้อมเตียงผู้ป่วยไปอีกด้านที่แบคฮยอนพยายามหลบหลีกการมองหน้าเขา พอเห็นว่าอีกฝ่ายจะเบือนหน้าหนีอีกรอบถึงได้รีบตะโกนห้ามไว้ “เลิกหลบหน้าฉันได้ไหมแบคฮยอน”
“ … ” คนป่วยได้ยินดังนั้นถึงกลับรู้สึกแปลกใจที่สรรพนามเปลี่ยนไปจากคำว่ากูและมึงเหมือนที่เขาเคยถูกเรียกก่อนหน้านี้
“ให้โอกาสฉันพูดอะไรหน่อยได้ไหม”
“ … ” พอถึงประโยคนี้แล้วคนตัวเล็กถึงได้ยอมหันกลับมาสบตาคนข้างๆตรงๆ เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่เขาสัมผัสได้ว่าแววตาของชานยอลดูอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด เป็นความรู้สึกที่เขาโหยหามันมานานแล้ว
พอเป็นแบบนี้แล้วแบคฮยอนก็พูดอะไรไม่ออก..
“สำหรับที่ผ่านมาฉันไม่มีคำแก้ตัวที่ดีมากพอเพื่อให้นายยกโทษให้ฉันนอกจากคำว่า ฉันขอโทษ” ชานยอลเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา เขาเม้มริมฝีปากแน่นในขณะที่ขยับร่างสูงของตนให้เข้าไปใกล้ชิดผู้ป่วยมากยิ่งขึ้น
“ … ” อยู่ๆแบคฮยอนก็น้ำตาคลอเบ้าโดยที่ไม่ตั้งใจ ทั้งที่ทีแรกคิดเอาไว้ว่าชานยอลอาจจะมาที่นี่เพื่อดุด่าหรือว่าเขาที่ไม่ยอมตายไปสักที จะได้ไม่ต้องเปลืองค่ารักษาและเปลืองเวลา ทว่าตอนนี้มันกลับไม่ใช่
อยู่ๆปาร์คชานยอลคนที่เขารู้จักก็กลับมา..
“ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้นายกำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้ไม่พูดกับฉัน นายอาจจะโกรธ จะเกลียดฉันจนไม่อยากเจอหน้า แล้วไปบอกไอ้เซฮุนว่ายังไม่อยากพบฉัน แต่ฉันอยากให้นายรู้ว่าฉันรู้สึกผิดจริงๆกับเรื่องที่ทำลงไป”
“ … ”
“มันคงยากเกินกว่าที่จะได้รับการให้อภัยได้ง่ายๆ ที่เคยบอกว่าถ้านายตายไปแล้วฉันจะไม่รู้สึกอะไรเลยความจริงแล้วมันไม่ใช่ พอฉันได้มานึกถึงเหตุการณ์นั้นจริงๆแล้วมันก็ทรมานจนอยากจะตายตามนายไป”
“ … ” ทำไมเขาถึงสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดของชานยอลที่มันมีมากขนาดนี้
“ถึงแม้ว่าอาการนายจะดีขึ้น ถึงแม้ฉันจะรู้ว่านายจะเลือกไอ้เซฮุนแทนที่จะเป็นฉันก็ได้ แต่ฉันก็อยากจะลองถามนายดูสักครั้งว่าให้โอกาสฉันอีกครั้งได้ไหม?”
“ … ” ฟังคนรักของตัวเองพูดมาถึงประโยคนี้แล้วเขาก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่ได้มีเพียงเขาที่กำลังร้องไห้ ทว่าดวงตาของชานยอลก็กำลังเปียกชุ่มไปด้วยน้ำใสๆที่หลั่งไหลออกจากตาเช่นเดียวกัน
ตลอดเวลาที่คบกันมา เป็นเพียงไม่กี่ครั้งที่เขาจะเห็นน้ำตาของชานยอล ซึ่งแต่ละครั้งมันแปลได้ว่าชานยอลเจ็บปวดมากจริงๆ..
“แบคฮยอน” ร่างสูงหลับตาลงพร้อมกับความเจ็บปวดใจก่อนที่จะตัดสินใจค่อยๆคุกเข่าลงข้างเตียงผู้ป่วย ดูจากอาการแล้วแบคฮยอนคงไม่ยกโทษให้เขาอย่างแน่นอน ทว่าเขากลับถูกอีกฝ่ายขัดจังหวะขึ้นมาก่อน
“พอแล้ว..” แบคฮยอนกลอกตามองคนรักของตัวเองที่กำลังนั่งคุกเข่าแล้วพูดออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วถอนหายใจออกมาเพียงช้าๆเพื่อรวบรวมพละกำลังของตัวเองทีเหลืออยู่เพียงน้อยนิด
“ … ” เป็นชานยอลที่เบิกตากว้างเมื่อแบคฮยอนยอมพูดออกมาแล้ว
“ชานยอลไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เราไม่เคยโกรธชานยอลเลย ที่เราบอกเซฮุนว่าไม่อยากเจอหน้าชานยอลตอนนี้ เพราะเรากลัวชานยอลรับไม่ได้กับสภาพของเรา เรากลัวชานยอลเจ็บปวด” คนตัวเล็กค่อยๆบรรจงพูดออกมาทีละช้าๆ
“ … ”
“เราไม่มีทางเลือกเซฮุน ชานยอลก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าเรารักชานยอลมากแค่ไหน ที่ผ่านมาเรารอคอยวันนี้มาโดยตลอดเพราะเรามีความหวัง”
“ … ”
“เราเชื่อว่าความรักจะพาเราสองคนผ่านอุปสรรคนี้ไปได้ และมันก็เป็นอย่างนั้นขึ้นมาจริงๆ ชานยอลไม่ต้องรู้สึกผิดนะเพราะเราผิดเองที่ทำตัวไม่ดี ให้ชานยอลเบื่อหน่าย” เสียงของแบคฮยอนเริ่มแหบพร่าลงเรื่อยๆเนื่องจากความเหนื่อยล้าที่มีมากขึ้น
“…นายอย่าโทษตัวเองแบบนั้น นายไม่ผิดเลย ที่ผ่านมาฉันเป็นคนผิดทุกอย่าง” บัดนี้ใบหน้าเนียนขาวของชานยอลเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาเรียบร้อยแล้ว เขาอดทนไม่ไหวถึงได้ยอมให้มันหลั่งไหลออกมา
“ … ”
“นายดีสำหรับฉันเสมอจริงๆ” เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะได้รับการตอบรับแบบนี้ ถ้าหากแบคฮยอนมีแรงมากกว่านี้สักนิดเขาจะยอมให้ตบหน้าสักร้อยทียังไงก็ได้ ทว่าเมื่อเขาได้รับโอกาสจากอีกคนมาแล้วเขาก็จะใช้มันอย่างดีที่สุด “ต่อจากนี้เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ ฉันจะเผชิญปัญหาโรคร้ายไปกับนาย”
“ … ” นานมากแล้วที่เขาไม่ได้รับรอยยิ้มจากปาร์คชานยอล แบคฮยอนได้รับสิ่งที่คาดหวังเอาไว้แล้ว ทั้งชีวิตนี้เขาไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว..
แบคฮยอนพยักหน้าน้อยๆก่อนที่จะปิดเปลือกตาลงช้าๆเมื่อใบหน้าของอีกคนโน้มลงเข้ามาใกล้ ก่อนที่จะประทับริมฝีปากเรียวลงไปอย่างอบอุ่น..
ทั้งสองคนกำลังเริ่มต้นกันใหม่..เหลือก็เพียงแต่โอเซฮุนที่ยืนมองอยู่หน้าห้องพยาบาล เขาเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างแต่กลับทำอะไรไม่ได้นอกจากแอบดูอยู่ไกลๆจากมุมนี้ บางทีเขาก็คิดที่จะแสดงความเป็นเจ้าของของแบคฮยอนมากกว่านี้
แต่พอคิดดูอีกทีแล้วการที่ปล่อยให้แบคฮยอนได้อยู่กับคนที่ตัวเองรัก มันก็ดีกว่าต้องมาอึดอัดอยู่กับเขา เพราะฉะนั้นการเรียกร้องสิทธิที่ดูแลแบคฮยอนมาตลอดนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องดีที่จะให้แบคฮยอนมาคอยกังวลเรื่องของเขาเพิ่มมากขึ้น
เพราะคนที่ผิดคือเขาเอง ผิดที่เป็นฝ่ายเริ่มรู้สึกก่อน.. แบคฮยอนซึ่งไม่เกี่ยวข้องอะไรก็ไม่ควรต้องมาร่วมรู้สึกแย่ไปกับเขาด้วย..
สักวันหนึ่งโอเซฮุนคงจะเจอคนที่ดีสำหรับเขาจริงๆ..เขาคิดแบบนั้น
เชื่อหรือไม่ว่านี่ก็ผ่านมาปีกว่าแล้วหลังจากที่แบคฮยอนออกจากโรงพยาบาลเนื่องจากเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ในทีแรกหมอบอกว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อีกสองเดือน แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะปาฏิหาริย์หรืออะไรที่ทำให้คนตัวเล็กมีชีวิตล่วงเลยมาได้นานขนาดนี้ รวมถึงสภาพร่างกายที่ดีขึ้นมาก แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี
วันนี้ชานยอลเลิกงานเร็วกว่าปกติเพราะเขาต้องรีบไปซื้อเค้กมาเซอร์ไพรส์วันครบรอบหกปีที่คบกันมา..มันช่างยาวนานเหลือเกิน ในใจเขาเองก็หวังว่าจะให้มันผ่านไปถึงเจ็ดปี แปดปี หรือสิบปี..หากว่าเป็นไปได้
ไม่นานนักร่างสูงก็เดินทางกลับมาถึงบ้านหลังใหม่ ที่เขาซื้อเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่กับแบคฮยอน และเพื่อลบความทรงจำร้ายๆเหล่านั้นไปให้หมด
ร่างสูงยิ้มกว้างเมื่อเห็นคนรักของตัวเองกำลังเล่นกับแมวสีขาวตัวเล็กที่เขาเรียกมันว่า ‘บยอนน้อย’ อยู่ในห้องนอน ซึ่งเป็นแมวที่แบคฮยอนขอร้องให้เขาซื้อให้ เผื่อว่าหากไม่มีเขาแล้วชานยอลจะได้มีบยอนน้อยไว้ดูต่างหน้า..
ชานยอลเดินกลับมาวางกล่องเค้กลงแล้วเปิดออกเพื่อจุดเทียน ก่อนที่จะย่องเข้าไปในห้องนอนแล้วปิดตาคนตัวเล็กช้าๆ
“อ๊ะ!” แบคฮยอนสะดุ้งเล็กน้อย จนบยอนน้อยกระโดดลงไปจากตักนั่นทำให้คนตัวสูงถึงกับยิ้มขำ
“ทายสิว่าใครกัน” ชานยอลพูดเสียงหยอกล้ออีกคนด้วยความสุข แบคฮยอนทำหน้ามุ่ยออกมาทั้งที่รู้ว่าชานยอลมองไม่เห็น
“ปล่อยเรานะชานยอล เรามองไม่เห็น” แบคฮยอนพูดเสียงใสในขณะที่มือเล็กพยายามแกะมือของอีกคนที่กำลังปิดตาเขาออกอย่างทุลักทุเล
“มานี่ก่อนสิครับ” ชานยอลพูดจบก็คะยั้นคะยอให้คนตัวเล็กลุกขึ้น ซึ่งเขาบ่นไปตลอดทางที่ถูกปิดตาเอาไว้ ไม่นานนักก็ไปยังห้องนั่งเล่นแล้วชานยอลก็ยอมเปิดตาออก
“ว้าว” แบคฮยอนเบิกตากว้างเมื่อเห็นข้อความในเค้กที่เขียนไว้ว่า ‘สุขสันต์วันครบรอบ6ปี’ นั่นทำให้เขายิ้มจนแก้มปริ
“สุขสันต์วันครบรอบครับ” ชานยอลยิ้มตอบรับอย่างอบอุ่น น่ารักกว่าชานยอลแบบนี้หาได้จากที่ไหนอีก
“ขอบคุณนะ เราชอบมากเลย”
“อธิฐานแล้วเป่าเทียนสิ” แบคฮยอนพยักหน้าเล็กน้อยก่อนที่จะหลับตาลงแล้วอธิฐานสั้นๆก่อนจะเป่าเทียนพร้อมกับชานยอลจนดับไปทั้งหมด ร่างสูงเห็นอย่างนั้นก็ยิ้มกว้างแล้วนั่งลงบนโซฟานุ่มข้างๆคนตัวเล็ก “วันนี้ครบรอบหกปีเราฉลองด้วยกัน ครบรอบเจ็ดปีเราก็ต้องฉลองด้วยกันอีกนะ”
“อื้ม” แบคฮยอนพยักหน้าหงึกๆแล้วอมยิ้มรับ เพราะสภาพจิตใจเขาดีขึ้นเรื่อยๆเขาถึงไม่กลัวอนาคตที่ยังมาไม่ถึง สำหรับบยอนแบคฮยอนแล้ว ขอแค่มีปาร์คชานยอลอยู่ข้างกาย เขาก็พร้อมที่จะต่อสู้กับอุปสรรคไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร
“เราจะฉลองด้วยกันจนแก่เลยล่ะ” ชานยอลพูดจบก็ประคองใบหน้าอีกคนเข้ามาใกล้แล้วประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากของอีกคนเบาๆ แบคฮยอนหลับตาพริ้มอย่างชอบอกชอบใจ
ไม่ว่าอนาคตเป็นอย่างไร เวลาที่เหลืออยู่มันจะมีมากหรือน้อยแค่ไหน เขาก็จะอยู่คอยให้กำลังใจแบคฮยอนแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่มีอีกแล้วปาร์คชานยอลคนไม่ดี ทว่าในตอนนี้มีแต่ปาร์คชานยอลคนที่รักบยอนแบคฮยอนมากที่สุด
เขาไม่เคยเชื่อในคำว่าตลอดไป..เพราะฉะนั้นคำว่ารักก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าอีกฝ่ายจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ ไม่ว่าอย่างไรในเวลาไม่ช้าก็เร็ว ก็ต้องมีสักฝ่ายจากไปก่อนอยู่ดี แต่เมื่อตอนนั้นมันยังมาไม่ถึงแล้วจะไปกังวลทำไมล่ะ?
ในตอนนี้เขาทั้งสองคนแค่มีกันและกันก็นับว่ามากพอแล้ว..
-END-
ผลงานอื่นๆ ของ เปลวหมอก ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ เปลวหมอก
ความคิดเห็น